หมอเตือนหยุดฉีด-ฝังสิ่งแปลกปลอมเข้า "เจ้าโลก" ยันเซ็กซ์สุขได้ไม่เกี่ยวกับขนาด ห่วงเจอหมอเถื่อน อันตรายถึงขั้นใช้การไม่ได้ตลอดชีวิต แพธทูเฮลท์ เผยวัยรุ่นโทรปรึกษากว่า 2 พันรายเรื่องฝังมุก
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. น.ส.ภาวนา เหวียนระวี ผอ.มูลนิธิแพธทูเฮลท์ (P2H) กล่าวว่า การที่ยังมีคนไปฉีดสารแปลกปลอม ฝังวัสดุแปลกปลอมที่อวัยวะเพศกับหมอเถื่อนจนเกิดการติดเชื้อ ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะ ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ เป็นปัญหาที่เกิดจากความเชื่อเรื่องขนาด ที่ถูกสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ เช่น นิยายโรมานซ์ ซึ่งไม่ใช่ความจริง แม้ปัจจุบันยังมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มาก แต่เคยมีการสำรวจพบว่า ความสุขเรื่องเพศ เป็นเรื่องรสนิยม คู่รักไม่ว่าเพศใดไม่ได้พอใจเรื่องขนาด แต่มีปัจจัยอื่นที่มีผลมากกว่า เช่น การสื่อสารระหว่างคู่รัก สัมพันธภาพที่ดี ส่วนคนที่ยังมีความเชื่อเรื่องขนาด ต้องให้ข้อมูลว่าคุ้มหรือไม่กับการเสี่ยงอันตราย ซึ่งจากการทำงานร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ความรู้เรื่องเพศในกลุ่มวัยรุ่น พบว่าวัยรุ่นมีความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องนี้มากขึ้น จากจำนวนผู้โทรปรึกษาทางสายด่วน 1663 ประมาณ 2,000 ราย มีปรึกษาเรื่องการฝังมุก หรือวัสดุแปลกปลอม ทั้งก่อนไปทำว่าจะไปทำดีหรือไม่ และที่ทำแล้วพบความผิดปกติ มีเนื้อเยื่อ พังผืดบริเวณที่ฝัง ต้องการเอาออก รวมไม่ถึง 5%
ด้าน นพ.ทรงพล พิจารณ์วณิช ประธานกรรมการบริหาร คาล์ม คลินิกเวชกรรม ในฐานะแพทย์ที่ให้ความรู้เรื่องเพศกับวัยรุ่นผ่าน Tiktok กล่าวว่า วัยรุ่นบางคนอาจมีความเชื่อที่ผิดว่าการมีอวัยวะเพศขนาดใหญ่เป็นเรื่องเท่ ทำให้การมีเพศสัมพันธ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงไปฝัง หรือฉีดสารแปลกปลอม บางรายอาจไปเจอหมอเถื่อนซึ่งเป็นอันตราย เสี่ยงทั้งเรื่องความสะอาด การติดเชื้อ การอักเสบ มีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ หรือแค่ปัสสาวะยังทำไม่ได้ ในทางการแพทย์ปัจจุบันมีหลายวิธีรักษาคนที่มีปัญหาจริงๆ เช่น อวัยวะไม่แข็งตัว ก็สามารถฉีดฟีลเลอร์ หรือฉีดไขมันตัวเอง ช็อตเวฟ ซึ่งได้ผลระดับหนึ่ง แต่ยืนยันว่าขนาดไม่ใช่ทุกอย่าง คู่รักอาจไม่ได้พึงพอใจกับขนาดที่ใหญ่เสมอไปเพราะอาจทำให้เจ็บได้ มีอีกหลายปัจจัยมากที่กระตุ้นให้การมีเพศสัมพันธ์ดีขึ้น และมีตัวช่วยที่ปลอดภัย เช่น ถุงยางอนามัยแบบปุ่ม แบบเส้น ที่สามารถเพิ่มความรู้สึกได้ ซึ่งปัจจุบันความรู้เรื่องเพศเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพียงแต่ผู้ใหญ่ และสังคมจะต้องเปิดกว้าง เข้าใจ ไม่ตีตรา เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่มีความเข้าใจเรื่องเพศที่ถูกต้อง ไม่ต้องไปเสี่ยง และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น