“อนุทิน” ดีใจผลตัดสิน “ประยุทธ์” ยังไม่ครบ 8 ปี ได้เป็นนายกฯ ต่อ ถือเป็นเรื่องดี หมดข้อกังวล จะได้บริหารบ้านเมืองตามปกติ เผย ส่งไลน์ยินดีแล้ว ส่วนคนชุมนุมขอให้รับกติกา ย้ำไม่ควรมีความรุนแรงเกิดขึ้น ไม่ช่วยแก้ปัญหา หากไม่พอใจรัฐบาลนี้ ให้รอเลือกตั้งใช้สิทธิอย่างเต็มที่ สภาชุดนี้จบ 23 มี.ค. ไม่มีทางเกิน เม.ย.
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังไม่ครบ 8 ปี ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่มีความชัดเจนแล้ว ความกังวลต่างๆ ข้อสงสัยต่างๆ ก็จะได้หมดไป การบริหารบ้านเมืองจะได้กลับมาสู่ภาวะปกติ ความร่วมมือต่างๆ จะได้มีความเข้มแข็งขึ้น มั่นคงขึ้น ดีใจที่ผลของการพิจารณาวาระของ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาเป็นเช่นนี้
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยัง เพราะป่านนี้คงมีคนเป็นร้อยเป็นพันคนที่จะไปแสดงความยินดีกับท่าน ส่วนตัวส่งไลน์ไปแสดงความยินดีที่ท่านกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งอย่างปราศจากข้อสงสัย
ถามว่า มีกระแสสังคมออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย และมีการออกมาชุมนุมกรณีดังกล่าว นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องถือคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก นี่คือ กติกา ไม่เช่นนั้น จะมีศาลรัฐธรรมนูญไว้ทำไม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็มีผู้พิพากษาถึง 9 ท่าน ตนมั่นใจว่า ท่านคงมีการพิจารณาทุกประเด็นด้วยความเป็นธรรม ภายใต้กระบวนการยุติธรรม เราต้องยึดถือองค์กรให้องค์กรหนึ่ง หลักใดหลักหนึ่งเป็นกติกาของบ้านเมือง
เมื่อถามถึงการมองทิศทางรัฐบาลและการเมืองจากนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งสำคัญจากนี้ คือ การเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปกใน พ.ย.นี้ให้ดีที่สุด เพราะจะเป็นการแสดงศักยภาพของไทยในการเปิดโอกาสต่างๆ มากมายให้ประเทศในสายตาของนานาชาติ หากผ่านจุดนั้นไปก็เหลือเวลาไม่นานก็เข้าสู่การเลือกตั้ง เพราะสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะสิ้นสุดใน มี.ค. 2566 เราก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และฝ่ายการเมืองก็ไปบริหารจัดการการณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทำนโยบายที่ดีที่สุดเสนอให้ประชาชนตัดสินใจ
ถามว่า กังวลว่า การเมืองหลังจากนี้จะมีความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันไม่ควรมีความรุนแรง เพราะความรุนแรงไม่เคยแก้ไขปัญหา ขอให้ทำตามกติกาของบ้านเมือง รัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุดของประเทศ ระบุไว้ชัดเจน สภาชุดนี้อย่างไรเสียก็ต้องจบสิ้นใน มี.ค. 2566 ไม่มีทางเกิน มีแต่สั้นกว่าหากมีการยุบสภาเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นระยะเวลาไม่ยาวนาน เราควรทำให้เกิดความสมานฉันท์ สามัคคี ปรองดอง ถ้าไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ก็จะได้ใช้สิทธิของเราอย่างเต็มที่ในการกำหนดอนาคตของบ้านเมือง สุดท้ายอนาคตของบ้านเมืองไม่ได้อยู่ที่นักการเมือง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง คณะใดคณะหนึ่ง แต่อยู่ที่สิทธิ อยู่ที่ปลายปากกาเราจะตัดสินใจกาเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่าจะให้บ้านเมืองไปในทิศทางไหน
ถามอีกว่า ที่บอกว่า อายุสภาอาจจะสั้นลง เพราะอาจมีการยุบสภาเป็นเพราะมีการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า วันสุดท้าย คือ วันที่ 23 มี.ค. ไม่มีทางจะทอดไปถึง เม.ย. ถ้ายุบสภาก็ต้องมีเหตุผลหลายๆ อย่างที่นายกฯ จะตัดสินใจยุบสภา ก่อนที่สภาจะสิ้นสุดวาระลง แต่ก็ขอให้เป็นไปตามครรลอง เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมืองก็จะไม่มีปัญหาอะไร