สธ.เปิดตัว 2 ฟังก์ชันใหม่ ใน “หมอพร้อม” แชตประเมินภาวะลองโควิด ช่วยรู้อาการผิดปกติและระดับความรุนแรง พร้อมคำแนะนำ และตรวจสุขภาพใจ ประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นจากผลกระทบโควิด
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดตัวฟังก์ชัน “ประเมินภาวะลองโควิด” และ “ตรวจสุขภาพใจ” บนแพลตฟอร์ม “หมอพร้อม” โดย นพ.โสภณ กล่าวว่า สธ.พัฒนาแพลตฟอร์ม “หมอพร้อม” เป็น Digital Health Platform ของประเทศไทย เพื่อให้บริการด้านสุขภาพดิจิทัลแก่ประชาชน ปัจจุบันให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด การตรวจหาเชื้อโควิด การออกเอกสารรับรองโควิดมาตรฐานสหภาพยุโรป และออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล เป็นต้น โดยจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้มีความสมบูรณ์และบริการที่ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ สธ.เห็นว่า ช่วงการแพร่ระบาดของโควิดที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ผู้ป่วยหลายคนรักษาหายแล้วยังเผชิญกับอาการป่วยที่หลงเหลือหรือภาวะ “ลองโควิด” ขณะที่บางส่วนได้รับผลกระทบทางจิตใจ จึงพัฒนาฟังก์ชันในหมอพร้อมเพิ่มเติมอีก 2 ฟังก์ชัน ได้แก่
1. ประเมินภาวะลองโควิด พัฒนาโดยกรมการแพทย์ พร้อมชุดข้อมูลความรู้เกี่ยวกับภาวะลองโควิดสำหรับประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะลองโควิด วิธีเตรียมรับมือ และแนวทางการดูแลตนเอง และ 2. ตรวจสุขภาพใจ พัฒนาโดยกรมสุขภาพจิต เพื่อเป็นเครื่องมือประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้น และคัดกรองความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 โดยทั้ง 2 ฟังก์ชันนี้จะให้บริการบนแพลตฟอร์มของหมอพร้อม ทั้ง LINE OA, แอปพลิเคชัน และเฟซบุ๊ก
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า กรมการแพทย์พัฒนาชุดข้อมูลความรู้เกี่ยวกับภาวะลองโควิด เพื่อเป็นคำแนะนำการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ป่วยโควิด 19 ที่รักษาหายแล้วแต่ยังมีอาการหลงเหลืออยู่ พร้อมพัฒนาแบบประเมินสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป และมีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าเป็นภาวะลองโควิด อาทิ ผมร่วง เจ็บหน้าอก ใจสั่น อ่อนเพลีย เหนื่อยเรื้อรัง ไอเรื้อรัง สมองล้า ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งใด นอนไม่หลับ วิตกกังวล ซึมเศร้า ฯลฯ โดยสามารถประเมินภาวะลองโควิดเบื้องต้นด้วยตนเองผ่าน “หมอพร้อม Chatbot” โดยระบบจะประเมินระดับความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง จะช่วยให้ประชาชนทราบถึงอาการผิดปกติและความรุนแรงหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นภายหลังการรักษาโรคโควิด-19 ทั้งนี้ หากพบว่ามีอาการรุนแรงจะแนะนำให้ประเมินซ้ำอีกในระยะเวลา 3 เดือนหลังจากวันที่ตรวจพบเชื้อ เพื่อติดตามอาการ และหากอาการดังกล่าวกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมาก ควรพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อขอรับคำปรึกษาและรับการตรวจรักษาเพิ่มเติม
พญ.อัมพร กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม (UTC) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาระบบ DMIND ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ ที่จะช่วยประเมินและคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่เผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตจากการสัมภาษณ์พร้อมใช้ข้อมูลใบหน้า เสียง และข้อความ ในการประเมินด้วยระบบ AI พร้อมให้คำแนะนำด้วยชุดข้อมูลความรู้ และเชื่อมโยงระบบกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือสำหรับกลุ่มเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิตในระดับปานกลางและกลุ่มเสี่ยงระดับสูง โดยระบบ DMIND จะเชื่อมระบบกับ “หมอพร้อม” บนฟังก์ชันตรวจสุขภาพใจ ซึ่งประชาชนสามารถเรียกใช้งานฟังก์ชันได้บนหมอพร้อมแชทบอท หรือที่เมนูบริการอื่นๆ บน “หมอพร้อม” หรือเข้าถึงผ่านลิงก์ได้ที่ https://bit.ly/DMIND11 นอกจากนี้ ยังสามารถเข้ามาศึกษาความรู้สุขภาพจิตด้วยตนเองได้ โดยชุดข้อมูลประกอบด้วยหมวดความรู้ต่างๆ ประกอบด้วย เครียด ซึมเศร้า เสี่ยงฆ่าตัวตาย ภาวะหมดไฟ การเติมพลังใจ วิธีดูแลจิตใจเมื่อสูญเสียคนรัก และการฟื้นฟูสุขภาพและป้องกันอาการ Post COVID เป็นต้น รวมถึงสามารถปรึกษาผ่านสายด่วนสุขภาพจิตที่เบอร์ 1323 ได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง