ปลัด สธ.เผยสถานการณ์โควิดดีขึ้นเร็วกว่าที่คาด เข้าโรคประจำถิ่นได้ตามแผน กลาง มิ.ย.ปรับคำแนะนำใส่หน้ากากเฉพาะกลุ่มผู้ป่วย กลุ่มเสี่ยง 608 เมื่ออยู่ในสถานที่ปิด กิจกรรมรวมคนจำนวนมาก นำร่องในบางพื้นที่
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า จ.สุราษฎร์ธานี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนอกสถานที่ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานสำคัญ การเตรียมการของพื้นที่เพื่อรับการเปลี่ยนผ่านโรคโควิด 19 เข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นต่อเนื่องและเร็วกว่าฉากทัศน์ที่คาดการณ์ มั่นใจว่าจะเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นตามเวลาที่วางแผนไว้ หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่จึงต้องมีการบริหารด้านสังคมร่วมด้วย โดยนำร่องกิจกรรมในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด 19 อย่างปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชน
ทั้งนี้ ประมาณกลาง มิ.ย. จะนำร่องปรับการให้คำแนะนำในบางพื้นที่ให้สวมหน้ากากอนามัยใน 3 กรณี คือ 1.กลุ่มผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยง 608 2.อยู่ในสถานที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และ 3.กิจกรรมที่มีคนร่วมกันจำนวนมาก พร้อมทั้งขอให้สื่อสารไปถึงประชาชนให้ทราบการปฏิบัติตนและเรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคโควิด 19 ต่อไป
นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องกัญชาทางการแพทย์ วันที่ 9 มิ.ย.นี้ จะครบกำหนด 120 วัน ที่การปลดล็อกกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดมีผลบังคับใช้ ประชาชนสามารถปลูกโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่จดแจ้งผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของ อย. โดยจะมีกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้กัญชาเสรีในทางที่ผิด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการ จึงต้องใช้กฎหมายด้านสาธารณสุขที่มีอยู่มาควบคุมกำกับก่อน เช่น พ.ร.บ.การสาธารณสุข ขณะเดียวกันก็ให้ทุกหน่วยงานช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้ในครัวเรือน และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพในการต่อยอดทางเศรษฐกิจ โดยในวันที่ 10-12 มิ.ย.2565 จะมีการจัดมหกรรม “360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร” ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เพื่อตอกย้ำและสร้างความมั่นใจในการปลูกและใช้ประโยชน์จากกัญชา ด้วย