xs
xsm
sm
md
lg

ทั่วโลกจับตา 3 พันธุ์ย่อย “โอมิครอน” รุนแรงหรือไม่ หลังคนเข้ารักษา รพ.มากขึ้น ไทยพบแค่ BA.5 รายเดียว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จับตา 3 สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน” ส่อรุนแรงหรือไม่ หลังพบคนเข้ารักษาใน รพ.มากขึ้น เผย ยังไม่พบ ทั้ง BA.4 และ BA.2.12.1 ในไทย ส่วน BA.5 พบรายเดียวเป็นคนบราซิล รักษาหายดีแล้ว สั่งศูนย์วิทย์ 15 แห่งทั่งประเทศ เฝ้าระวังเข้มทั้งคนมาจากต่างประเทศและคนป่วยอาการหนัก มีน้ำยาตรวจเฉพาะจุดได้ ย้ำ ภูมิธรรมชาติไม่พอป้องกัน ต้องฉีดวัคซีนร่วมด้วย

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ช่วงหลังพบว่าประเทศไทยเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้จากการตรวจเฝ้าระวังสัปดาห์ละ 2-3 พันราย เหลือประมาณ 700-800 ราย โดยช่วงวันที่ 30 เม.ย.- 6 พ.ค. 2565 ตรวจจำนวน 747 ราย พบเป็นโอมิครอน 100% ไม่พบสายพันธุ์อื่น ทั้ง อัลฟา เดลตา และ เบตา ส่วนสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนเปลี่ยนจาก BA.1 มาเป็น BA.2 เนื่องจาก BA.2 แพร่เร็วกว่า 4 เท่า โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาพบ BA.2 ประมาณ 97.6% อย่างไรก็ตาม BA.1 และ BA.2 มีสายพันธุ์ย่อยลงไปอีกจำนวนมาก ที่พบมากในไทย 2 สัปดาห์ล่าสุด คือ BA.1.1, BA.2.9, BA.2.10, BA.2.10.1 และ BA.2.12

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลกให้แต่ละประเทศช่วยกันเฝ้าระวังและตรวจสอบ 3 สายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน คือ BA.4, BA.5 ซึ่งพบตั้งแต่ช่วง ก.พ. 2565 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่พบมากแถวแอฟริกาใต้ บอตสวานา และยุโรป โดย BA.4 รายงานเข้า GISAID แล้ว 955 ราย และ BA.5 รายงาน 441 ราย และสายพันธุ์ BA.2.12.1 พบมากในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 1 หมื่นรายที่รายงานเข้าไปใน GISAID แล้ว ซึ่งมีข้อสังเกตว่า ทั้ง 3 สายพันธุ์ย่อยนี้อาจทำให้คนไปนอน รพ.มากขึ้น หมายถึงอาจจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ ประเทศไทยจึงต้องเฝ้าระวังว่าเข้ามาหรือยัง มากน้อยแค่ไหน

“วันนี้ทั่วโลกและประเทศไทยจับตา 3 สายพันธุ์นี้ ซึ่งมีข้อกังวลว่าจะทำให้เกิดคนไข้เข้า รพ.มากขึ้นหรือไม่ ซึ่งประเทศไทยยังไม่พบ BA.4 แต่เจอ BA.5 จำนวน 1 ราย เป็นคนบราซิล ส่งตัวอย่างให้ตรวจตอนเม.ย. ขณะนี้หายดีกลับบ้านเรียบร้อย ส่วน BA.2.12.1 ยังไม่พบในไทย แต่พบตัวแม่ คือ BA.2.12 จำนวน 2 ราย คือ ชาวอินเดียและแคนาดา” นพ.ศุภกิจ กล่าว

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 15 แห่ง เฝ้าระวังตรวจทั้ง 3 สายพันธุ์ โดยเน้นการเก็บตัวอย่างในคนที่มาจากต่างประเทศ ผู้ป่วยอาการหนัก หากพบสัดส่วนผู้ป่วยอาการหนักในเชื้อกลายพันธุ์ที่เราเฝ้าระวังมากขึ้น ก็แสดงว่ามีสัญญาณบางอย่าง ซึ่งเราสามารถตรวจเฉพาะจุดด้วยวิธี SNP โดยมีน้ำยาที่ให้แต่ละศูนย์ตรวจได้ปริมาณมาก ทั้งนี้ ตำแหน่งมาร์กเกอร์ของแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกัน หากพบ L452R ร่วมกับ del69/70 ถือว่าเป็น BA.4 และ BA.5 และ หากเป็น L452Q จะเป็น BA.2.12.1 อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดสายพันธุ์ใหม่แต่กว่าจะรู้ว่าแพร่เร็วแค่ไหน รุนแรงหรือหลบวัคซีนจะใช้เวลาหลังจากนั้นพอสมควร เราจะเพาะเชื้อเมื่อเริ่มมีตัวอย่าง ซึ่งตอนนี้มีเชื้อ BA.5 แล้ว ยังไม่มี BA.4 ก็จะเอามาเพาะเชื้อให้ได้ เมื่อได้เชื้อมากพอ ก็เอามาตรวจภูมิที่มีต่อเชื้อได้

“BA.4 และ BA.5 มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งโปรตีนหนาม L452R เหมือนกับเดลตา แต่จะสรุปว่ามีความรุนแรงเท่าเดลตาไม่ได้ ยังต้องดูข้อมูลต่อไป อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากแอฟริกาใต้ ว่า เมื่อติดเชื้อด้วย BA.1 ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติไม่สามารถกันติดเชื้อ BA.2 ได้ จึงไม่สามารถกัน BA.4 และ BA.5 ได้ด้วย แต่หากติดเชื้อ BA.1 เคยรับวัคซีนมาก่อน แม้ภูมิคุ้มกันลดลงก็ไม่มาก จะช่วยกัน BA.4 และ BA.5 ได้มากกว่า เรียกว่าฉีดวัคซีนด้วยดีกว่าติดเชื้อโดยธรรมชาติ วัคซีนยังช่วยป้องกันไม่ว่าสายพันธุ์ไหน” นพ.ศุภกิจ กล่าว

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ส่วนสายพันธุ์ลูกผสม หรือไฮบริดของไทยที่เราส่งตัวอย่างจำนวนหนึ่งที่มีความคล้ายกับ XJ เข้าไปไปยังฐานข้อมูลกลางโลก GISAID ซึ่งหาก GISAID วิเคราะห์เรียบร้อยแล้วเป็นจริงก็จะมีการนำขึ้นเว็บไซต์ ซึ่งขณะนี้ข้อมูลสายพันธุ์ลูกผสมที่ GISAID รับรองแล้ว ยังไม่มีตัวอย่างของประเทศไทย คือยังไม่พบว่าเข้าได้กับสายพันธุ์ลูกผสมหรือ X ตัวใด อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะไปถึง GISAID จะมีชั้นต้นในการใช้เครื่องอัตโนมัติในการเรียกบอกสายพันธุ์ พบว่า ตัวอย่างของไทยทั้ง 12 ตัวอย่าง เป็น XM 8 ตัวอย่าง XN 3 ตัวอย่าง และ XE 1 ตัวอย่าง แต่ต้องรอ GISAID วิเคราะห์ว่าใช่หรือไม่ใช่ ทั้งนี้ สายพันธุ์ลูกผสมในไทยไม่น่ากังวล เพราะน่าจะพบน้อยลง เนื่องจากเดลตาหายไปเกือบจะสิ้นเชิง ไม่น่าจะมีตัวอะไรมาไฮบริด ยกเว้นแต่ตัวไฮบริดที่เจอขยายพันธุ์ของมันเอง

เมื่อถามว่า ต้องเฝ้าระวังมากในคนที่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา กรณี BA.2.12.1 หรือไม่ นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า อาจยังไม่ต้องขนาดนั้น เพราะยังไม่ส่งสัญญาณอะไร เว้น 2-3 สัปดาห์จะมีสัญญาณว่ารุนแรงมากขึ้นหรือหนักขึ้น แต่หากให้คาดเดาไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพระาลูกหลานๆ ที่ออกมาก็ไม่ได้มีอะไร เหมือนตอน BA.2.2 ที่ฮ่องกงคิดว่าทำให้ป่วยฟนัก ปรากฏว่า เป็นเพราะคนไข้เพิ่มขึ้นเยอะและมีปัญหาการจัดการ


กำลังโหลดความคิดเห็น