การที่จะประสบความสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืนนั้น ไม่จีรังถาวรเท่ากับความสำเร็จที่บ่มสร้างมาทีละเล็กทีละน้อยมาทั้งชีวิต
แม้อริสโตเติลจะกล่าวว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นในชีวิตเราอย่างมีเหตุผล
แต่เราก็มักจะไม่อยากให้เหตุผลกับเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่ทำให้ชีวิตของเราลงสู่ขาลง
แต่เหตุการณ์ลบ เจ็บปวดที่ทุกคนจะต้องมีในชีวิต นั่นคือตัวที่ทำให้คุณรู้ซึ่งถึงพลังที่มีในตัวคุณ ในทุก ๆ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น แม้อดีตกลับไปแก้ไม่ได้ แต่อดีตช่วยเปลี่ยนมุมมองเราอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป
หากไม่มีความผิดพลาด เราอาจชะล่าใจคิดว่า เรามาถูกทาง และประมาทกับชีวิตมาก เช่น หากเราไม่เคยป่วย เราคงไม่ตระหนักว่าเราก็คือมนุษย์ธรรมดาเหมือนกันที่ต้องดูแลร่างกาย หากไม่ดูแลอาหารการกินสักวันเราก็ต้องป่วยอีก เจ็บอีก และหากเราไม่เคยป่วยเลย เราคงไม่คิดคือ วินาทีสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไป
ถึงแม้ว่าเราจะตัดพ้อชีวิตเราขนาดไหน ก็เลี่ยงได้ยากที่เราจะยอมรับว่า เรารู้ว่าชีวิตเรามีค่า หากเลือกแบบฉาบฉวยเราอยากได้ชีวิตสบาย ๆ ไม่มีปัญหาเลย ชีวิตอยู่กับขาขึ้นตลอดเวลา
แต่นั้นไม่ใช่ชีวิตมนุษย์ในความเป็นจริง...
แต่การพัฒนาชีวิตมันมีกระบวนการที่ชาญฉลาด ธรรมชาติได้ให้ความเป็นธรรมกับมนุษย์ทุกคน โดยการให้มนุษย์แต่ละคนได้เรียนรู้ที่จะปรับปรุง ฝึกฝนตัวเอง จนกลายเป็น Best version ของแต่ละคน
หากเรายังยอมเอาชีวิตที่มีค่ามากไปแลกกับสิ่งที่มีค่าน้อยกว่า เช่น ยอมเหน็ดเหนื่อยเสียพลังชีวิตแลกกับการยอมรับจากผู้อื่น ยอมดัดแปลงความงามในธรรมชาติของเราเพื่อให้เข้ากับความต้องการของคนอื่น หรือยอมอยู่กับการถูกมัวเมากับภาพมายา ชีวิตของเรายังถือว่าขาดทุนอยู่มาก
คนชอบพูดตอนที่ตัวเองสบายแล้วว่านั่นคือการเติบโตในชีวิตของเรา
แต่ในความเป็นจริง คนเราเติบโตในชีวิตจากความทุกข์ ลำบาก และผลักดันให้เราต้องใช้ความสามารถทางใจ และกายเพิ่อดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้าโดยออกจากกรอบเดิม ๆ
ถ้าไม่มีความลำบาก เราอาจไม่เฉลียวใจถึงปัญหาที่แท้จริง และหาทางออก
สังเกตุได้ง่ายๆ เมื่อเราร่ำรวย ไม่ได้มีภาระเหมือนตอนลำบาก
เราอาจจะไปหมกมุ่นในสิ่งที่ไม่สำคัญ ไม่ได้เป็นเป้าหมายของตัวเรา หรือบางครั้งไม่ใช่ตัวเราเลย เช่น ตอนเรายากไร้ เรากินอะไรก็ได้ให้อิ่มแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่กับภารกิจของตัวเอง
ครั้นพอเรารวย กว่าจะกิน กว่าจะซื้อของสักชิ้นดูมันใช้เวลา ช่างเลือก เสียเวลาไปกับการสร้างหน้าตา ภาพลักษณ์ ตามความคาดหวังของคนอื่น และที่สุด ความสุขของการเป็นตัวของเราเองก็หายไป
หลายครั้งมนุษย์เงยหน้ามองท้องฟ้า ได้แต่คร่ำครวญว่าอิจฉานก ที่มันบินได้ อยู่ที่สูง แต่นก ก็อาจจะคิดในใจก็ได้ว่า อิจฉามนุษย์ที่ได้อยู่บนพิ้นดิน ไม่ต้องบินไปเรื่อย ๆให้เหนื่อยยาก
จงใช้พลังงานในชีวิตของตัวเองสร้างชีวิตที่เป็นตัวเอง อย่าเสียเวลาที่จะสร้างชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่น เราควรมีความเชื่อในเอกลักษณ์ของตัวเอง เราไม่ควรให้ค่านิยม การตัดสิน หรือสิ่งแปลกปลอมภายนอกมาครอบงำ
ให้เราเชื่อในตัวเองผิด ๆ เช่น เราหลงคิดไปว่าเราคือ คนเก่ง คนรวย คนสวย คนชั้นสูง
หากถามในใจลึก ๆ มนุษย์ก็รู้ตัวอยู่ว่า เราคือมนุษย์คนหนึ่ง แล้วทำไมเราต้องพยายามสร้าง หรือเสียพลังชีวิตอันมีค่า ไปสร้างตัวเองเพื่อปรุงแต่งสิ่งมายาแทนที่จะสร้างชีวิตของเราตามความเป็นจริงในตัวตนเรา
การเรียนรู้สิ่งใด ๆ เพื่อให้พัฒนา ล้วนมีความลำบาก เมื่อเราไม่กล้าที่จะที่จะออกจาก comfort zone เราจะกลายเป็นคนปานกลางไปหมดทุกเรื่อง และความปานกลางนั่นแหละคือตัวจำกัด เสรีภาพในการใช้ชีวิต และการเข้าใจตัวเอง
เราทุกคนล้วนปีปัญหาของตัวเอง ปัญหาบางอย่างเป็นปัญหาของเรา เราต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงก่อน แล้วพัฒนาในแนวทางของตัวเรา
"นกจะบินได้ด้วยปีกที่สมตัว นกอินทรีจะบินไม่ได้ด้วยปีกของนกกระจอก"
ครูฮ้วง
--------------------------
ครูฮ้วง-เสาวลักษณ์ ลี้รุ่งเรืองพร เจ้าของสถาบัน Campus Genius Center ผู้สอนหลักสูตรติวเข้มเพื่อการสอบ SAT ด้วยแนวคิดแบบ Critical Thinking ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถยื่นคะแนนเข้าเรียน และประสบความสำเร็จในการเรียนคณะอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ