“การพนันเป็นความหวังของคนจน แต่เป็นกีฬาของคนรวย” นี่คือ วาทะของนักเขียนผู้โด่งดังที่มีนามว่า เทียนวรรณ
โดยนัยแห่งคำพูดข้างต้นให้ความหมายชัดเจนว่า การพนันเป็นทั้งความหวังและเป็นกีฬา
ส่วนว่าจะเป็นอย่างไหนนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของผู้เล่น กล่าวคือ ถ้าเป็นคนจน ก็เล่นเพื่อจะชนะ และได้เงินมาจับจ่ายใช้สอย แต่ถ้าเป็นคนรวยก็เล่นการพนันเพื่อให้เกิดความตื่นเต้นเร้าใจ แต่การชนะมิใช่วัตถุประสงค์ในการเล่น
ด้วยเหตุที่การเล่นการพนันของคนจนกับคนรวยต่างกันดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น ผลที่เกิดจากการเล่นการพนันซึ่งเกิดขึ้นจากการแพ้ชนะ จึงต่างกันกล่าวคือ ถ้าคนจนแพ้พนัน ก็จะเป็นทุกข์เดือดเนื้อร้อนใจเนื่องจากเงินไม่พอใช้ ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน และเป็นบ่อเกิดของการเป็นหนี้ หรือไม่ก็เป็นอาชญากรจำเป็นจี้ปล้น ชิงทรัพย์ กลายเป็นปัญหาสังคม
ส่วนคนรวยแพ้การพนัน ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อสถานการณ์การเงิน ทั้งของตนเองและครอบครัว เนื่องจากเงินที่นำไปเล่นการพนัน เป็นเงินส่วนเกินจากที่ตนเองและครอบครัวต้องใช้จ่ายจึงไม่เดือดร้อน
สลากกินแบ่งหรือลอตเตอรี่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หวยรัฐ เป็นการพนันประเภทหนึ่งในหลายประเภทที่มีอยู่ในสังคมไทย ทั้งที่ถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย
สลากกินแบ่งคือการพนันที่ถูกกฎหมาย และดำเนินการโดยรัฐ สามารถทำรายได้ให้รัฐจำนวนไม่น้อยต่อปี และในขณะเดียวกัน การพนันประเภทนี้เป็นบ่อเกิดหรือเป็นที่มาแห่งความทุกข์ ความเดือดร้อนให้แก่คนจน ซึ่งตกเป็นทาสการพนันประเภทนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม กล่าวคือ โดยทางตรงเกิดจากการซื้อสลากกินแบ่งโดยใช้เงินที่ควรจะนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพื่อหวังได้เงินเพิ่ม เมื่อไม่ถูกรางวัลก็เป็นทุกข์ เพราะไม่สมหวัง ส่วนโดยอ้อมเกิดจากการเล่นการพนันหวยเถื่อน ซึ่งดำเนินการโดยอาศัยผลของการออกสลากกินแบ่งเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 และเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว
นอกจากเดือดร้อนเพราะไม่ถูกรางวัลแล้ว คนจนยังเดือดร้อนจากการขายสลากกินแบ่งเกินราคาด้วย จึงกลายเป็นความทุกข์ซ้ำเติมคนจนยิ่งขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พยายามแก้ปัญหาการขายสลากกินแบ่งเกินราคา โดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งมีเสกสกล อัตถาวงศ์ เป็นประธาน และกรรมการชุดนี้กำลังแก้ปัญหาอยู่ โดยตั้งเป้าจะควบคุมการขายให้ได้ในเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป
ส่วนว่าจะแก้ได้หรือไม่ และมากน้อยแค่ไหน คงจะต้องคอยดูกันต่อไป
ในทัศนะส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่า การขายสลากกินแบ่งเกินราคาของบรรดาพ่อค้า แม่ค้ารายย่อยเป็นแค่ปลายเหตุ เนื่องจากว่าเมื่อผู้ค้ารายย่อยเขาซื้อมาแพงเขาก็ต้องขายแพงกว่าที่ซื้อ เพื่อให้มีส่วนเกินเป็นรายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงชีพของตนเองและครอบครัว
ดังนั้น ถ้าจะแก้ปัญหานี้จะต้องแก้ที่ต้นเหตุคือผู้ซื้อรายใหญ่จากกองสลาก และนำมาขายต่อให้รายย่อย
ส่วนว่าต้นตอจะเป็นใครนั้น ผู้เขียนเชื่อว่าสืบหาได้ไม่ยาก เนื่องจากว่าคนในกองสลากจะต้องรู้ดีว่าคือใคร ดังนั้น ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุจึงจะแก้ได้
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลมีความตั้งใจจะแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ก็จะต้องแก้ให้ตรงประเด็นและต้องแก้แบบถอนรากถอนโคน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ดังต่อไปนี้
1. ควบคุมการผลิตและการขายให้รอบคอบ รัดกุม โดยการผลิตให้น้อยลง และตัดผู้ค้ารายใหญ่ซึ่งเป็นเสือนอนกินออกไป แล้วจัดจำหน่ายตรงให้แก่ผู้ค้ารายย่อยผ่านกลไกรัฐระดับจังหวัด
2. จะต้องยอมรับว่า ธุรกิจการขายสลากมีอัตราเสี่ยงสูง ถ้าผู้ขายต้องซื้อขาดจากกองสลาก และไม่มีการรับคืนถ้าขายไม่หมด เนื่องจากต้องซื้อด้วยเงินสดจึงเสี่ยงต่อการขาดทุนถ้าขายไม่หมด และโอกาสที่จะขายไม่หมดในแต่ละงวดมีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากเลขที่ประชาชนไม่ซื้อจะมีจำนวนหนึ่งในแต่ละงวดเช่น เลขที่ออกแล้ว และเลขเบิล เป็นต้น
สลากที่เหลือนี้เองที่ผู้ขายจะต้องแบกรับความเสี่ยงต่อการขาดทุน ด้วยเหตุนี้จึงต้องขายเลขที่ประชาชนต้องการในราคาแพง เพื่อชดเชยส่วนที่ขายไม่ได้เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน
3. ทางแก้อีกประการหนึ่งคือ กองสลากขายทางออนไลน์โดยการปรับรูปแบบการให้รางวัลลดลงตามสัดส่วนที่ขายได้ ด้วยการหักส่วนที่ขายได้ออกไม่ต้องคิดเป็นต้นทุน
แต่ถ้ายังผลิตเท่าเดิมและขายในรูปแบบเดิม เชื่อได้ว่า แก้ปัญหาสลากขายเกินราคาไม่ได้แน่นอน เพราะจะไม่มีผู้ขายรายใดยอมขาดทุนจากการซื้อแพงขายถูก และที่สำคัญคือต้องซื้อขาดด้วยเงินสด