ศบค.เผย รักษาโควิดใน รพ. 8.3 หมื่นราย พบ 98% เป็นกลุ่มอาการสีเขียว ไม่มีอาการ หรืออาการน้อย วอนกลุ่มนี้เข้าระบบ HI สงวนเตียงผู้ป่วยสีเหลืองสีแดง สธ.เตรียมเปิดบริการแบบโอพีดีเพิ่ม ติงนักวิชาการอย่าพูดแต่ตัวเลข บอก ปชช.ถึงวิธีช่วยลดสถานการณ์ด้วย ห่วง 8 จังหวัดท่องเที่ยวยังติดเชื้อสูง ยังเจอร้านอาหารติดเชื้อซ้ำ กทม.ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนถึง 18 คลัสเตอร์
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์รายวัน ว่า วันนี้ประเทศไทยรายงานติดเชื้อจากการตรวจ RT-PCR จำนวน 22,311 ราย จาก ATK อีก 21,497 ราย เสียชีวิต 42 ราย สะสมต้นปี 1,235 คน คิดเป็น 0.18% โดยอยู่ระหว่างรักษา 213,645 ราย อาการหนัก 980 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 280 ราย รับการรักษาใน รพ. 83,479 ราย ซึ่งกลุ่มนี้มีอาการเพียงเล็กน้อย ไม่พบปัจจัยเสี่ยง หรือกลุ่มสีเขียวมากถึง 82,499 ราย คิดเป็น 98% สะท้อนให้เห้นว่าการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นสอดคล้องกับที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า สายพันธุ์ในไทยตอนนี้เป็นโอมิครอน 90% ขึ้นไป อาการส่วนใหญ่เป้นสีเขียว จึงเน้นย้ำประชาชนที่อาการเล็กน้อย ไม่มีอาการเลย เลือกเข้ารักษาในระบบ HI เพื่อสงวนเตียงสีเหลืองสีแดงให้ผู้ที่จำเป็นจริงๆ
“เตียงเรายังมีเพียงพอ รพ.รับผู้ป่วยสีเขียวไปแอดมิทดูอาการได้ แต่ปัจจุบันตัวเลขติดเชื้อสูงขึ้นก็ต้องขอความร่วมมือสงวนเตียงให้ผู้ป่วยสีเหลืองสีแดง ทั้งสูงอายุ มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน แม้มีอาการน้อย แต่อาจทำให้โรคหลักทรุดรวดเร็ว รพ.จะพิจารณารับไว้รักษาใน รพ.” พญ.อภิสมัย กล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ข่าวก่อนหน้านี้ที่อาจมีนักวิชาการคาดการณ์ตัวเลข ผู้ติดเชื้อจาก 3 หมื่น เป็น 4-6 หมื่นรายต่อวัน อาจทำให้ประชาชนไม่สบาย ยืนยันว่า สธ. ศบค. มีการติดตามสถานกาณณ์โลก เพื่อนบ้าน และในประเทศทุกวัน มีการเสนอแผนเผชิญสถานการณ์เสมอ สิ่งสำคัญอยากให้นักวิชาการ อาจารย์ที่ให้ความเห็น ในแผนเผชิญสถานการณ์ เช่น ที่เราจะช่วยกันประคับประคองตัวเลขไม่ให้สูงเกินศักยภาพระบบสาธารณสุข ทุกภาคส่วนมีบทบาทอย่างไร ประชาชน ผู้ประกอบการจะช่วยกันอย่างไร แทนที่จะพูดแค่ตัวเลขให้ประชาชนเป้นห่วง อาจมาช่วยกันร่วมมือทำให้ประเทศผ่านพ้นช่วงนี้ไป
สธ.ประกาศเตือนภัยโควิดและคำแนะนำในระดับ 4 ขอให้งดเข้าสถานที่เสี่ยง สถานบันเทิงที่เปิดรูปแบบร้านอาหาร บางที่เปิดสถานบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ เกิดคลัสเตอร์ต่อเนื่อง ต้องขอความร่วมมือประชาชนเลี่ยงเข้าพื้นที่เหล่านี้ การรวมกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกัน วงเหล้า เดินทางขอให้ชะลอในช่วงนี้ จะเห้ว่ามาตรการที่ สธ.และศบค.กำหนด เราย้ำเสมอว่าเป้นการผ่อนคลายเพื่อให้เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการดำเนินชีวิตยังไปต่อได้ เป็นทิศทาเงดียวกับองค์การอนามัยโลกและประเทศอื่นๆ ยอมรับ คือ เปิดประเทศในภาวะที่ยอมรับความเสีย่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าโควิดจบลงแล้ว การที่ประชาชนต้องค้าขาย เดินทางไปมายังมีความจำเป้น เราไม่สามารถล็อกดาวน์ได้อีกต่อไป แต่จะต้องปรับตัวเข้ากับวิถีใหม่ อยู่กับโรคอย่างปลอดภัย
เร็วๆ นี้ สธ.เตรียมแผนรับมือบริหารแนวทางกำหนดให้โควิดเป้นโรคปีระจำถิ่นระยะต่อไป สัปดาห์ที่แล้วปลัด สธ.เสนอ ศบค.ไว้ก่อนแล้ว เรื่องการรักษาทางเลือกแบบโอพีดีผู้ป่วยนอก ร่วมกับประชาชนมีการกักตัว มาตรการส่วนบุคคล ให้ยาตามกลุ่มแอาการ มีการติดตามการรักษาใน 2 วัน ซึ่งจะมีการแถลงข่าวต่อไป
ผู้เสียชีวิตวันนี้ 42 ราย มีกลุ่มเสี่ยงโรคประจำตัวมะเร็ง 6 ราย อ้วน 4 ราย ไต 11 ราย ติดเตียง 1 ราย โดยอยู่ใน กทม. 9 ราย โดย 3 ใน 9 รายไม่มีประวัติรับวัคซีนแม้สักเข็ม และภาพรวมมีถึง 26 รายทั้งประเทศไม่ได้รับสักเข็ม การฉีดกระตุ้นเข็มสามยังต่ำ ขอความร่วมมือไปรับวัคซีนเข็มสาม
กทม.ยังติดเชื้อสูงสุดอันดับ 1 จำนวน 2,779 ราย 2. ชลบุรี 1,275 ราย 3. นนทบุรี 1,095 ราย 4. สมุทรปราการ 1,068 ราย 5. นครศรีธรรมราช 957 ราย 6. นครราชสีมา 717 ราย 7. ภูเก็ต 652 ราย 8. นครปฐม 605 ราย 9. สมุทรสาคร 585 ราย และ 10. ปทุมธานี 577 ราย สำหรับจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดสูงจะอยู่ใน 8 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว มีการเปิดกิจการกิจกรรม มีการรวมกลุ่มทำให้มีปัจจัยเสี่ยงสูง สำหรับ กทม.เริ่มปักหัวลงในสัปดาห์นี้ แต่ยังต้องจับตาต่อไป คงต้องให้ประชาชนร่วมกันชะลอการเดินทางและงดการรวมกลุ่ม เราไม่ล็อกดาวน์ แต่ต้องป้องกันเข็มทุกคนช่วยกัน
คลัสเตอร์ที่พบช่วงนี้ คือ ร้านอาหาร บางร้านพบการติดซ้ำ , บุคลากรทางการแพทย์ มักติดจากบ้านมาแพร่ใน รพ. ทำให้การดูแลผู้ป่วยหยุดชะงักไปด้วย, โรงเรียน, ตลาด, พิธีกรรมทางศาสนา ทั้งงานบวช งานศพ สิ่งที่ ศบค.ชุดเล็กชื่นชม คือ โรงงานสถานประกอบการ มีรายงานแต่ลดลงต่อเนื่อง สำหรับ กทม.ติดเชื้อสูงที่หลักสี่ จอมทอง ห้วยขวาง บางซื่อ หนองแขม บางแค ประเวศ สายไหม ทุ่งครุ และราษฎร์บูรณะ ที่พบสูงสุดคือ โรงเรียนมี 18 คลัสเตอร์ ซึ่ง กทม.รายงานศักยภาพดูแลผู้ป่วย มีการเปิด CI เพิ่มขึ้น โดยมีอยู่จำนวน 31 แห่ง เตรียมเปิด 9 แห่ง จะเพิ่มอีก 970 เตียง หากเตียงเต็มจะมีการนำไป CI พื้นที่เขตข้างเคียง