กรมการแพทย์ แจง รพ.เลิดสิน รับดูแลหญิงตั้งครรภ์ 9 เดือน ติดโควิดแล้ว แล้ว รพ.เอกชนที่รับฝากครรภ์ปัดดูแล จี้ รพ.เอกชน ทำตามข้อตกลง รับดูแลรักษา หากเกินศักยภาพค่อยส่งต่อตามระบบที่วางไว้
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. กรมการแพทย์ ออกคำชี้แจงกรณีข่าวผู้ป่วยตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 ใกล้คลอด แต่ไม่มีโรงพยาบาลรับรักษา ว่า ข้อเท็จจริงผู้ป่วยรายนี้ เป็นผู้ป่วยหญิงอายุ 32 ปี ตั้งครรภ์อายุครรภ์ 9 เดือน และมีประวัติเคยผ่าคลอดมาก่อน ได้ฝากครรภ์ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ต่อมาพบบุคคลในครอบครัวติดเชื้อโควิด-19 จึงตรวจ ATK ด้วยตนเองให้ผลบวก และมีอาการเจ็บครรภ์ จึงได้ติดต่อไปยัง รพ.เอกชน ที่ฝากครรภ์เพื่อเข้ารับการรักษา แต่ รพ.เอกชนดังกล่าวปฏิเสธการทำคลอดผู้ป่วยโควิด-19 จึงทำให้ผู้ป่วยซึ่งมีสิทธิประกันสังคมอยู่ที่ รพ.เลิดสิน ในวันที่ 6 ก.พ. 2565 ได้ติดต่อเข้ารับการรักษาที่ รพ.เลิดสิน เบื้องต้นแพทย์ได้ทำการตรวจ RT-PCR เพื่อยืนยันก่อนเข้ารับการรักษาใน รพ.และประเมินอาการผู้ป่วย ซึ่งพบว่า ขณะนั้นผู้ป่วยไม่พบอาการผิดปกติอื่น รพ.ได้แนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตอาการที่บ้านเพื่อรอผลตรวจ RT-PCR ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป
ต่อมาในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ผู้ป่วยเริ่มมีอาการเจ็บครรภ์ และเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน จึงได้ติดต่อไปยังศูนย์เอราวัณ ทางศูนย์เอราวัณจึงนำส่ง รพ.เลิดสิน รพ.รับผู้ป่วยตอนเวลาเที่ยงคืน ประเมินอาการเบื้องต้น พบว่า ผู้ป่วยอาการคงที่ ไม่มีมดลูกหดตัว ไม่มีน้ำเดิน ระดับออกซิเจนในเลือดปกติ ไม่พบอาการผิดปกติอื่น จึงรับไว้สังเกตอาการ เพื่อวางแผนการรักษาสำหรับการผ่าตัดคลอดต่อไป
ทั้งนี้ ได้มีการวางระบบการดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ โควิด-19 ในเขตกรุงเทพมหานคร ตามที่มีการหารือร่วมกันในที่ประชุมเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลและป้องกันการติดเชื้อใน รพ.ในเขตกรุงเทพมหานคร สำหรับผู้ป่วยรายนี้ตามระบบแล้วควรจะได้รับการดูแลเบื้องต้นจาก รพ.ที่รับฝากครรภ์ก่อน หากเกินศักยภาพของ รพ.จึงค่อยส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่รับผิดชอบดูแลตามพื้นที่ที่แบ่งไว้
ดังนั้น กรมการแพทย์ขอความร่วมมือไปยัง รพ.เอกชน ขอให้ช่วยดำเนินการตามแนวทางระบบที่ได้วางไว้ และขอให้ทุกภาคส่วนรายงานข้อเท็จจริงตามความเป็นจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารที่ถูกต้อง โดยไม่ทำให้สังคมตื่นตระหนกเกินควร สุดท้ายนี้กรมการแพทย์ขอขอบคุณประชาชนทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในการป้องกันโรคโควิด-19 รักษาระยะห่าง ใส่หน้ากาก ล้างมือ และให้ความร่วมมือในการฉีดวัคซีน