xs
xsm
sm
md
lg

3 ภาคี สสว. อัพสกิลติดอาวุธ SME ไทย ผลักดันส่งออกสู่ตลาดโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



3 ภาคี สสว. ผนึก EXIM BANK และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ผลักดัน SME สู่ตลาดโลก ติดอาวุธใหม่ Upskill SME Exporters ติดอาวุธ สู่การส่งออก ให้ความรู้เชิงลึกกับผู้ประกอบการ SME ใน 4 ภูมิภาค

วันนี้ (26 ม.ค. 2565) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ร่วมจัดกิจกรรม “Upskill SME Exporters ติดอาวุธใหม่ให้ SME สู่การส่งออก” เพื่อพัฒนาทักษะและยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ให้พร้อมฟันฝ่าวิกฤติโควิดสามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันและความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว มีความรู้ความเข้าใจการค้าระหว่างประเทศ สามารถสร้างและขยายตลาดในต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า "ผู้ประกอบการSMEของไทยมีศักยภาพหากได้รับการพัฒนาและสนับสนุน ซึ่งสสว.จะสนับสนุนใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.ให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ รวมถึงเข้าถึงตลาดของภาครัฐ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และเอกชนได้ 2.เพื่อประสิทธิภาพให้แก่ผู้ประกอบการ และลดต้นทุนในการดำเนินการ ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการคนละครึ่ง เปิดตัวในช่วงวันที่ 14 ก.พ.2565 และ3.แหล่งทุน ทั้งนี้ ปัจจุบัน SME สามารถออกสู่ตลาดต่างประเทศไม่ถึง 30,000 ราย ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้ เชื่อว่าจะเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการSME เข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น และมีทักษะพร้อมสู่ตลาดโลก


ทั้งนี้ สสว. มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้ดำเนินธุรกิจและพร้อมออกสู่สากลได้อย่างมีศักยภาพ โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการยุคใหม่สามารถพัฒนานวัตกรรมให้กับสินค้าและบริการที่หลากหลาย

จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการต้องเตรียมความพร้อมสู่ยุค Next Normal ดังนั้น ความร่วมมือกับ EXIM BANK และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยในครั้งนี้ จึงต้องการยกระดับการค้าส่งออกและสร้างโอกาสแก่ผู้ประกอบการให้มีความรู้ในตลาดการค้าต่างประเทศ สามารถปรับตัวรับกับการแข่งขันใหม่ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทันต่อสถานการณ์ ให้อยู่รอด อยู่เป็น สามารถประกอบธุรกิจอย่างมืออาชีพ และก้าวสู่ธุรกิจสมัยใหม่ได้

อีกทั้ง ความร่วมมือดังกล่าวจะก่อให้เกิดการบูรณาการในการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้สามารถดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและอำนวยความสะดวกให้ได้เข้าถึงบริการทางการเงินและความรู้ด้านการส่งออก อาทิ การบริการสินเชื่อ การประกันการส่งออก การบริหารความเสี่ยงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มกับสินค้าและบริการของผู้ประกอบการ และเกิดมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของประเทศ




ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า จากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัว 3-4% จากการปรับตัวของทุกภาคส่วนในการอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้มากขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ

โอกาสการเติบโตของภาคการส่งออกของไทยที่คาดว่าจะขยายตัวราว 5% ในปี 2565 เพราะแรงหนุนจากเศรษฐกิจโลก จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะเร่งปรับตัวทางธุรกิจ พัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์โลกยุค Next Normal โดย EXIM BANK พร้อมจับมือกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน “ซ่อม” “สร้าง” และ “เสริม” ธุรกิจไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืน

โดยพัฒนาองค์ความรู้ แพ็กเกจการเงินทั้งสินเชื่อและประกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ และการจัดให้มีทีมผู้เชี่ยวชาญดูแล พัฒนา ปรับเปลี่ยนธุรกิจของไทยให้พร้อมรุกตลาดโลก ควบคู่กับการพัฒนาช่องทางการค้าออนไลน์ EXIM Thailand Pavilion นำเสนอเรื่องราวสินค้าไทยที่มีคุณภาพและเอกลักษณ์ให้ขยายตลาดบน E-Commerce อย่าง Alibaba Platform ได้อย่างมั่นคง

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เผยผลสำรวจอุปสรรคของผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจ คือ ร้อยละ 43.23 เป็นอุปสรรคด้านการตลาด รองลงมา ร้อยละ 27.55 คือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และร้อยละ 24.47 คือ การบริหารจัดการ ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้ จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ ได้เรียนรู้การดำเนินธุรกิจส่งออกอย่างเต็มรูปแบบ ผลักดันเอสเอ็มอี เข้าสู่ Global Supply Chain สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนามาตรฐานสินค้า และบริการสู่ระดับสากล รวมทั้งการสร้างและขยายตลาดในต่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการ โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการส่งออกของผู้ประกอบการ SME ให้ได้เกิน 50% ของมูลค่าการส่งออกทั้งประเทศ
การจัดกิจกรรม “Upskill SME Exporters ติดอาวุธใหม่ให้ SME ไทยสู่การส่งออก” มีกำหนดจัดขึ้นทั้งหมด 6 ครั้ง ใน 4 ภาค ดังนี้ ภาคกลาง กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 26-27 มกราคม 2565 ณ โรงแรมแลงคาสเตอร์ ภาคเหนือ เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2565 ณ โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ท

ภาคใต้ นครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ 2565 ณ โรงแรมทวินโลตัส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 10-11 มีนาคม 2565 ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล ภาคตะวันออก ชลบุรี ระหว่างวันที่ 5-6 พฤษภาคม 2565 ณ โรงแรมแกรนด์ พาลาสโซ่ พัทยา และภาคกลาง อยุธยา ระหว่างวันที่ 26-27 พฤษภาคม 2565 ณ โรงแรมคลาสสิค คามิโอ
ด้วยรูปแบบ Hybrid Seminar โดยมีวิทยากรที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ตรง อาทิ นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมค้าปลีกไทย และอดีตประธานสมาคม E-Commerce นายยุทธพงศ์ มีแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้า ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

นายศุทธิกานต์ กริชไกรวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์บริการศุลกากร กรมศุลกากร นายบรรณ ภุชงค์เจริญ CEO บริษัท Level Up Holding และวิทยากรอีกมากมาย มาร่วมแชร์ประสบการณ์และเสริมทักษะให้แก่ผู้ประกอบการใน 3 ส่วนคือSoft Skill, Hard Skill, และระบบมาตรฐานสากล (บัญชี ภาษี ขั้นตอนการส่งออก พิกัดศุลกากร การตลาดต่างประเทศ Incoterm2020 International Culture และ Digital Platform)

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเข้าร่วมสัมมนา “Upskill SME Exporters ติดอาวุธใหม่ให้ SME สู่การส่งออก” สามารถสอบถามข้อมูลหรือติดตามรายละเอียดได้ที่ คุณสุนันพร พลายเถื่อน โทรศัพท์ 06-3625-9962 , 09-0236-2915 หรือสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://forms.gle/18YVLAChAWexUagD7 ฟรี! รับจำนวนจำกัด


กำลังโหลดความคิดเห็น