ดีพร้อมติดอาวุธให้ธุรกิจมาแรงอย่าง “Let’s plant meat” แบรนด์อาหารแพลนต์เบสแห่งอนาคต ที่มาเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ภายใต้ชื่อ “นิธิฟู้ดส์” พร้อมเผย 3 เคล็ดลับตัวช่วยปั้นธุรกิจให้เติบโต 300% ท่ามกลางโควิด-19 และตั้งเป้ามุ่งเน้นสู่การเป็นเทคโนโลยีสตาร์ทอัปรับการเติบโตปี 2565
นายสมิต ทวีเลิศนิธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด เปิดเผยว่า นิธิฟู้ดส์เริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ปี 2541 จากการทำธุรกิจเครื่องเทศอบแห้งและเครื่องเทศเจียว ต่อมาได้ขยายธุรกิจมาเป็นผู้ผลิตเครื่องปรุงรส จนเมื่อปลายปี 2562 เป็นช่วงที่บริษัทได้ริเริ่มธุรกิจแพลนต์เบสในเมืองไทย ภายใต้ชื่อ “Let’s plant meat” ซึ่งจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้มาจากความสนใจศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคโปรตีนทางเลือกโดยวัตถุดิบที่ทำจากพืช จนได้ลองหันมาบริโภคมังสวิรัติด้วยตัวเอง และได้พบว่าตัวเลือกอาหารสำหรับคนไทยที่หลีกเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ยังคงมีน้อย ด้วยราคาที่สูง รวมถึงยังไม่ตอบโจทย์ในเรื่องความอร่อยและขาดความหลากหลายทางรสชาติ จึงเกิดเป็นแนวคิดที่อยากใช้ความเชี่ยวชาญด้านการเป็นผู้ผลิตเครื่องปรุงรส ประกอบกับได้ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาด้านอาหารที่มีอยู่มาร่วมกันพัฒนาอาหารทางเลือกอย่างแพลนต์เบสให้มีรสชาติอร่อยตอบโจทย์คนไทย และสามารถผลิตได้เองในราคาถูก อีกทั้ง เล็งเห็นว่าธุรกิจแนวนี้ในตลาดไทยยังมีจำนวนไม่มากและยังมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว โดยข้อมูลจาก Krungthai COMPASS ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย พบว่า มูลค่าตลาดแพลนต์เบสฟู้ดในประเทศไทยอาจสูงถึง 4.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2567 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 10%
เมื่อมีความตั้งใจในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจอีกครั้ง จากผู้ผลิตเครื่องปรุงรสสู่ธุรกิจอาหารแห่งอนาคตอย่างแพลนต์เบส จึงหาตัวช่วยขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ โดยเริ่มต้นจากการสำรวจ 3 เรื่อง ได้แก่
สำรวจเทรนด์โลกและเทรนด์ผู้บริโภค : เมื่ออาหารเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่ตัวเลือกแต่เป็นเรื่องจำเป็น
จริงอยู่ที่โควิด-19 ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจกับสิ่งที่บริโภคเข้าไปมากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการลดบริโภคเนื้อสัตว์หรือหันมาเป็นผู้บริโภคมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (Flexitarian) ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อธุรกิจอาหาร เพื่อสุขภาพ แต่สำหรับ “Let’s plant meat” เราไม่เพียงแค่เชื่อในเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นและพัฒนาธุรกิจขึ้นมารองรับเท่านั้น แต่เรามีแพสชั่นในการทำให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานแพลนต์เบสฟู้ดและเป็นตัวเลือกหลัก เพื่อลดผลกระทบจากการบริโภคเนื้อสัตว์ ทั้งในแง่ของความเสี่ยงจากการเกิดโรคที่น้อยกว่าและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการทำปศุสัตว์ อีกทั้งเป็นการเสริมความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ที่มีความปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสม เพื่อการมีสุขภาวะที่ดี ด้วยเหตุนี้เราจึงมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกจากพืชให้มีความพร้อมสำหรับตลาดไทยเพราะเราต้องการเป็นผู้ที่ไปยืนรออยู่ปลายทางพร้อมกับอาหารทางเลือกที่เป็นทางรอด ในวันที่แพลนต์เบสฟู้ดกลายเป็นอาหารทางเลือกหลักสำหรับการบริโภค
สำรวจความพร้อมของตัวเอง : จากธุรกิจดั้งเดิมที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง สู่ความพร้อมเป็นเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ
การมีธุรกิจเครื่องปรุงรสถือเป็นต้นทุนที่เรามีติดตัวและทำหน้าที่เป็นเหมือนธุรกิจพี่เลี้ยง (Business Brotherhood) ให้กับ “Let’s plant meat” ได้ ทั้งในแง่ทรัพยากรทางปัญญาจากทีมวิจัยและพัฒนาอาหารที่มีอยู่โดยอาศัยความเชี่ยวชาญจากธุรกิจเครื่องปรุงรสเพื่อต่อยอดในเรื่องการพัฒนาและคิดค้นรสชาติแพลนต์เบสฟู้ดที่อร่อยและตอบโจทย์คนไทย รวมถึงความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีการผลิต ที่ช่วยให้เราไม่ต้องลองผิดลองถูกมากกับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ นอกจากความพร้อมที่มีติดตัวมา เรายังเดินหน้าธุรกิจในปี 2564 โดยเราถือว่าปีนี้เป็นปีแห่งการเตรียมความพร้อมเพื่อสำรวจตลาด การมองหาลูกค้าต่างประเทศที่มีศักยภาพในการซื้อ จากการเข้าร่วมกิจกรรม Online business matching กับทางภาครัฐมากกว่า 45 ครั้ง ซึ่งถึงแม้ว่าการเจรจาทางธุรกิจจะจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ ทำให้ลูกค้าไม่สามารถทดลองชิมผลิตภัณฑ์ของเราได้ แต่เราก็มองว่าเราได้ใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงลูกค้าหลากหลายมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการในปี 2564 ถือว่าสามารถเติบโตท่ามกลางช่วงแห่งความท้าทายนี้ได้อย่างน่าพอใจ โดยเรามียอดขายที่โตขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าว่าจะโตต่อไปอีก 1-2 เท่าในปีถัดไปหรือทันทีที่การค้าระหว่างประเทศกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง เนื่องจากเรามีความต้องการจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่รออยู่
สำรวจหาหน่วยงานเร่งสานฝันธุรกิจ : ดีพร้อม กับบทบาทเสริมขีดความสามารถของ ผปก. ไทย สู่เป้าหมายที่เป็นจริง
นอกเหนือจากการรู้จักเทรนด์ผู้บริโภค รู้จักความพร้อมของตัวเอง สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการเดินหน้าธุรกิจใหม่สำหรับ “Let’s plant meat” นั่นก็คือ เรามองหาความร่วมมือด้านต่าง ๆ กับหน่วยงานภาครัฐอยู่เสมอ เพื่อช่วยสนับสนุนธุรกิจให้มีความพร้อมในการแข่งขัน เพราะเราไม่ได้รอบรู้ในทุกด้าน การมีหน่วยงานเข้ามาให้คำปรึกษาก็เปรียบเสมือนมีผู้ช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจให้กับเรา โดยการร่วมงานกับดีพร้อมในปีนี้ ช่วยให้เราได้พัฒนาธุรกิจในหลายด้าน ทั้งการเชื่อมโยงตลาดกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านการจับคู่ธุรกิจ การพัฒนาระบบคุณภาพ ความปลอดภัยของอาหาร และระบบฮาลาล ซึ่งเมื่อแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศเริ่มกลับมาเป็นปกติ สินค้าของเราก็พร้อมเข้าไปเจาะตลาดกลุ่มประเทศต่าง ๆ ได้ทันที เพราะได้เตรียมความพร้อมด้านระบบความปลอดภัยของอาหารที่สอดคล้องกับข้อกำหนด ของกลุ่มประเทศต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว จากคำแนะนำของ ดีพร้อม
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ดีพร้อม มีความยินดีที่ได้เห็นการเดินหน้าในกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และระดับผู้ประกอบการ ไปสู่การแข่งขันในภาคธุรกิจที่สูงขึ้นเพราะนั่นหมายถึงการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของอตุสาหกรรมไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบนโยบายเพื่อให้ดีพร้อมร่วมเร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับโมเดลธุรกิจของ “Let’s plant meat” ถือได้ว่ามีศักยภาพในการเติบโต อีกทั้ง มีธุรกิจเดิมอย่าง “นิธิฟู้ดส์” ทำหน้าที่เป็นธุรกิจพี่เลี้ยง จัดเป็นโมเดลตัวอย่างที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีไปสู่การเป็นธุรกิจเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ
ปัจจุบัน ธุรกิจแพลนต์เบสถือเป็นอีกธุรกิจที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในวงการเกษตรไทย เนื่องจากเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อแปรรูปและเพิ่มมูลค่าผลผลิตอย่างมหาศาล ตลอดจนพัฒนากระบวนการผลิตทั้งวงจร ซึ่งตรงกับความตั้งใจของดีพร้อมในการยกระดับวิถีเกษตรแบบดั้งเดิมสู่เกษตรอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน นอกจากนี้ ดีพร้อมยังเชื่อมั่นว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการเกษตรมากขึ้นจะช่วยให้เกษตรกรสามารถเอาชนะความท้าทายต่างๆ ที่ต้องเผชิญในปัจจุบันและอนาคตได้
“นอกจากความช่วยเหลือของดีพร้อมที่มุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพภาคการผลิตให้แก่ผู้ประกอบการแล้ว เรายังช่วยติดอาวุธให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จในการพัฒนาธุรกิจได้เร็วขึ้น หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญ คือ การสนับสนุนเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการที่ลงทุนในการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมาตรฐานในการผลิต เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเข้าถึงการใช้ระบบอัตโนมัติ และสามารถคืนทุนได้เร็วขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวมีส่วนช่วยยกระดับความสามารถทั้งผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมไทยในแบบองค์รวม” นายณัฐพล กล่าวปิดท้าย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *