ทพญ.ฉัตรแก้ว บริบูรณ์หิรัญสาร
งานทันตกรรม รพ.ศิริราช
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
รากฟันเทียม เป็นโลหะผสม ที่มีรูปร่างคล้ายรากฟัน ฝังลงในกระดูกขากรรไกรในตำแหน่งที่เหมาะสม ก่อนที่ทันตแพทย์จะนำฟันเทียมมายึดติดกับรากฟันเทียมนี้ เพื่อทดแทนฟันแท้ที่ถอนไป ซึ่งอาจจะเป็นครอบฟัน หนึ่งซี่ หรือเป็นหลักยึดของฟันปลอมทั้งปาก เพื่อให้ฟันปลอมมีความมั่นคง แข็งแรง มีความสะดวกสบายในการใช้งาน และช่วยลดการสูญเสียเนื้อฟันในตำแหน่งข้างเคียงกับบริเวณช่องว่างที่จะทำการใส่ฟันปลอม หรือฟันที่ต้องรับตะขอ ลดการละลายของสันกระดูกในบริเวณที่จะใส่ฟัน เพื่อคงความสมดุลและคงเสถียรภาพในระบบบดเคี้ยว
ข้อบ่งชี้ในการฝังรากฟันเทียม
สันเหงือกมีช่องว่างตั้งแต่ 1 ซี่ขึ้นไปและมีความหนาของกระดูกพียงพอ เป็นผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่มีผลต่อการสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อ มีสุขภาพช่องปากที่ดี ตลอดจนไม่มีสุขนิสัยที่ไม่ดีต่อฟัน เช่น นอนกัดฟันอย่างรุนแรง เป็นต้น อีกทั้งเป็นผู้ไม่สูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้ผลสำเร็จของการรักษาต่ำลง
การฝังรากฟันเทียมมีทั้งข้อดีและข้อด้อย
ข้อดี ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อฟันซี่ข้างเคียง ลดการละลายของสันกระดูกที่รองรับฟันปลอม ง่ายต่อการทำความสะอาดช่องปาก ทำให้มีสุขภาพช่องปากที่ดี เกิดความสะดวกสบายในการบดเคี้ยวหรือการออกเสียง มีความมั่นใจในการพูด ยิ้ม เสริมให้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น มีอายุการใช้งานยาวนานเมื่อเทียบกับการใช้ฟันปลอมชนิดอื่น ๆ
ข้อด้อย มีการบาดเจ็บขณะผ่าตัดฝังรากเทียม หรือการปลูกกระดูกเพื่อรองรับรากฟันเทียม มีการรักษาหลายขั้นตอน ใช้เวลานานประมาณ 6 เดือน และมีค่าใช้จ่ายสูง
ภาวะแทรกซ้อน
การฝังรากเทียมอาจมีอาการปวดบวม หรือมีเลือดออกภายหลังผ่าตัด และอาจเกิดการอักเสบรอบ ๆ รากฟันเทียมภายหลังการใส่ฟันปลอม ซึ่งเกิดเนื่องจากบริเวณรอบ ๆ ฟันปลอมไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ ร่วมกับผู้ป่วยเป็นโรคปริทันต์อยู่ก่อนแล้ว เป็นผลให้มีการละลายของกระดูกรอบ ๆ รากฟันเทียม เหงือกร่นและรากฟันเทียมโผล่มาให้เห็นในช่องปากได้
การรักษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
การปลูกกระดูกในบริเวณต่าง ๆ เช่น ที่สันเหงือก หรือบริเวณโพรงอากาศแมกซิลา โดยใช้กระดูกมาจากบริเวณขากรรไกร สะโพก หรือจะเป็นกระดูกเทียมขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของกระดูกที่ต้องการ ซึ่งการปลูกกระดูกจะกระทำต่อเมื่อบริเวณที่จะฝังรากฟันเทียมมีปริมาณกระดูกไม่เพียงพอ การปลูกเนื้อเยื่อ ใช้ในกรณีที่มีเนื้อเหงือกแข็งแรงไม่เพียงพอต้องนำเหงือกจากบริเวณเพดานปากมาปลูก หลังปลูกเหงือก 6-8 สัปดาห์ จึงฝังรากฟันเทียมได้
ขั้นตอนการรักษา
1. วางแผนการรักษาโดยพิมพ์แบบฟันเพื่อออกแบบฟันปลอมและกำหนดตำแหน่งที่จะฝังรากฟันเทียมตรวจลักษณะสันเหงือกและถ่ายภาพรังสี เพื่อใช้ประเมินปริมาณของกระดูกที่มีอยู่ ซึ่งปริมาณกระดูกจะเป็นตัวกำหนดขนาดของรากฟันเทียม
2. การผ่าตัดระยะที่ 1 ฝังรากฟันเทียมภายใต้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่เปิดแผลกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ฝังรากฟันเทียมแล้วเย็บแผลปิด ส่งถ่ายภาพรังสีเพื่อประเมินผลการรักษา ภายหลังการรักษา 1 สัปดาห์ มารับการตัดไหม ติดตามผลการรักษาโดยการถ่ายภาพรังสีครั้งหลังผ่าตัด 4 -6 เดือน
3. การผ่าตัดระยะที่ 2 ห่างจากระยะที่ 1 ประมาณ 4-6 เดือน เป็นการสร้างรูปร่างของเหงือก ทำการผ่าตัดใส่เครื่องมือภายใต้ยาชาเฉพาะที่ ขนาดแผลประมาณ 1 เซนติเมตรเช่นกัน ตัดไหมหลังจากการผ่าตัด 1 สัปดาห์
4. การใส่ฟันปลอมภายหลังการสร้างรูปร่างของเหงือกประมาณ 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะได้รับการพิมพ์ปาก เพื่อส่งแบบไปทำฟันปลอม หลังจากนั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเปลี่ยนเครื่องมือสร้างรูปร่างสันเหงือกเป็นเดือยต่อขึ้นมา จากรากฟันเทียมและทำการใส่ฟันปลอมตามแบบที่วางแผนการรักษาตั้งแต่แรก
5. การติดตามผลการรักษา ใช้วิธีตรวจภายในช่องปากและถ่ายภาพรังสี เป็นระยะ 3, 6, 12 เดือนและทุกปี ๆ ละ 1 ครั้ง ในช่วง 1 ปีแรกจะมีการละลายของกระดูกรอบ ๆ รากฟันเทียมประมาณ 1 มิลลิเมตร และประมาณ 0.2 มิลลิเมตรในปีต่อ ๆ มาได้ ถ้าไม่มีการละลายของกระดูกอยู่เกินไปจากเกณฑ์ตามที่กล่าวมาถือว่าประสบความสำเร็จในการรักษา