กระทรวงสาธารณสุขมอบ อสม.ลุย 5 มาตรการจัดการโควิดเข้มแข็ง เคาะประตูบ้านรณรงค์ป้องกันตนเองสูงสุด ทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง แนะนำประชาชนใช้ชุดตรวจ ATK ชักชวนฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย หวังปักธงเขียวเป็นตำบลปลอดภัย ตั้งเป้าจังหวัดละ 1 อำเภอ อำเภอละ 1 ตำบล ขยายพื้นออกไปเพื่ออยู่ร่วมกับโควิดและเปิดประเทศได้อย่างปลอดภัย
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงข่าว อสม.ติดอาวุธประชาชนตรวจ ATK ด้วยตนเองและการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด โดยนายแพทย์ธเรศกล่าวว่า อสม.มีบทบาทสำคัญช่วยควบคุมโรคในชุมชนมาตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้องค์การอนามัยโลกยกย่องว่าเป็นกลไกสำคัญภาคประชาชนที่ช่วยให้การควบคุมโรคประสบความสำเร็จ ได้รับการเผยแพร่ในวารสารต่างประเทศว่าเป็นต้นแบบการจัดการโรคอุบัติใหม่ โดยที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 อสม.ได้เคาะประตูบ้านให้ความรู้ประชาชน ชักชวนลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด 19 รวม 4,800,059 คน ทั้งผ่านไลน์ “หมอพร้อม” หน่วยบริการสุขภาพ และระบบ Smart อสม.
นอกจากนี้ ยังช่วยติดตามกลุ่มเป้าหมาย 608 จำนวน 3,419,961 คน ให้ได้รับวัคซีนแล้ว 1,091,954 คน คิดเป็น 31.93% อำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีน ทั้งลงทะเบียนที่จุดฉีด วัดความดันโลหิตและอุณหภูมิ นอกจากนี้ยังร่วมดูแลผู้ติดเชื้อที่แยกกักในชุมชน (Community Isolation) 4,900 แห่ง แยกกักที่บ้าน (Home Isolation) รวม 26,513 คน ทำหน้าที่เป็นไรเดอร์ส่งอาหารถึงบ้าน และเฝ้าระวังแรงงานกลับบ้าน 299,840 คน สามารถติดตามกลุ่มเสี่ยงจนครบ 14 วัน 251,642 คน และส่งต่อเมื่อมีอาการ 15,893 คน
ด้านนายแพทย์ภานุวัฒน์กล่าวว่า ภารกิจที่มอบหมายให้ อสม.ดำเนินการเพิ่มในช่วงนี้ คือ แนะนำการใช้ชุดตรวจ ATK แก่ประชาชน และวิธีปฏิบัติตัวเมื่อทราบผล โดยในกลุ่มเสี่ยงหากผลเป็นลบต้องกักตัว ติดตามอาการจนครบ 14 วัน และตรวจซ้ำอีกครั้งใน 5 วัน หากผลบวกจะช่วยประสานหน่วยบริการเพื่อพิจารณาส่งแยกกักที่บ้าน ชุมชน หรือส่งโรงพยาบาล โดยศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพทุกเขตและชมรม อสม.แห่งประเทศไทย ได้จัดอบรมพร้อมเผยแพร่ชุดความรู้ผ่านแอปพลิเคชัน Smart อสม.ที่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา และให้ชักชวนคนในชุมชน ผู้นำชุมชน สร้างตำบลโควิด 19 เข้มแข็ง โดยใช้หลักการ 5 ข้อ ได้แก่ 1.มาตรการป้องกันตนเองสูงสุดทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา (Universal Prevention) แม้แต่คนในบ้านเดียวกัน 2.การจัดการสิ่งแวดล้อมป้องกันโควิด 19 โดยกิจการต่างๆ ต้องทำตามมาตรการที่กำหนด 3.เฝ้าระวังคัดกรองคนเข้าออกพื้นที่ กลุ่มเสี่ยงตรวจ ATK 4.ชวนฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมตามเป้าหมาย และ 5.มีระบบบริหารจัดการและเฝ้าระวังควบคุมโรคโควิดที่ดี
“ได้สื่อสารให้ อสม.ทุกตำบลใช้กลไก 3 หมอดำเนินการเป็นแซนด์บ็อกซ์ให้ได้จังหวัดละ 1 อำเภอ และอำเภอละ 1 ตำบล เพื่อปักธงสีเขียวเป็นพื้นที่ปลอดโควิด คือไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ หรือมีผู้ป่วยกำลังรักษา แต่มีมาตรการควบคุมโรคที่ดี หากมีตำบลทำได้มากกว่า 80% ก็จะเป็นอำเภอปลอดโควิด หากมีหลายอำเภอทำได้จะเป็นจังหวัดปลอดโควิด เมื่อทุกจังหวัดทำได้ ประเทศก็จะปลอดภัย ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกับโควิดได้อย่างยั่งยืน เดินหน้าเศรษฐกิจและเปิดประเทศได้” นายแพทย์ภานุวัฒน์กล่าว