โฆษกรัฐบาล เผย “ประยุทธ์” สั่งติดตามโควิดสายพันธุ์มิว แม้ยังไม่พบระบาดในไทย ย้ำฉีดวัคซีนกลุ่มนักเรียน 12-18 ปี ภายใน ต.ค.นี้ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง
วันนี้ (10 ก.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. สั่งติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ หลังจากองค์การอนามัยโลกได้ประกาศการยกระดับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ MU (มิว) เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบการแพร่ระบาดในประเทศไทย รวมทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อสังเกต ข้อเสนอแนะหรือข้อท้วงติงที่เป็นประโยชน์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายที่ผ่านมา มาปรับใช้ในการทำงาน เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนและช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
นายธนกร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลเด็กนักเรียน โดยจะเร่งปูพรมฉีดวัคซีนเด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี ภายในเดือน ต.ค.โดยจะต้องได้รับการยินยอมผู้ปกครอง ยึดหลักและคำแนะนำทางการแพทย์ ครอบคลุมทั้ง นักเรียน ครูและเจ้าหน้าที่ เพี่อสร้าง “โรงเรียนปลอดภัย” รวมทั้งสร้างความเข้าใจกับกลุ่มคนที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน ว่า การฉีดวัคซีนสามารถลดอาการเจ็บป่วย ลดการเสียชีวิต นายกรัฐมนตรี ยังมีความเป็นห่วงสถานประกอบการ และธุรกิจขนาดเล็ก หรือ Micro SMEs ซึ่งจะได้หาแนวทางแบ่งเบาภาระที่เกิดขึ้น จากการเตรียมรองรับมาตรการของรัฐทั้งมาตรการ บับเบิ้ลแอนด์ซีล และแฟคตอรี่ แซนด์บ็อกซ์ พร้อมขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการเพื่อประโยชน์ของตนเอง ภายใต้ความร่วมมือ 3 ฝ่าย ประกอบด้วยรัฐบาล เอกชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถเดินหน้าตามเป้าหมายในการเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งหลายประเทศได้จับตามองไทย เพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการดำเนินงานเช่นกัน
นายธนกร กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการเร่งแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 แล้ว นายกรัฐมนตรี ยังห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ โดยกำชับทุกส่วนราชการเตรียมแผนเผชิญเหตุในทุกพื้นที่ทั้งส่วนภูมิภาครวมทั้งกรุงเทพฯเพื่อให้ช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที เพราะในขณะนี้ รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาทุกมิติ ทั้งโควิด-19 เศรษฐกิจและภัยธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน