xs
xsm
sm
md
lg

เจาะรหัสความคิดทำลายชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจาก pixabay.com
หลายคนทราบดีว่าความคิดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่หลายคนเราก็เลือกที่จะไม่ฝึกความคิดของเราได้ดี ซึ่งการไม่เลือกที่จะฝึกก็มาจากอุปสรรคคือความคิดของเรานั่นเอง

ความคิดคือกระบวนการตัดสินใจ เลือกสรรหาเหตุหาผลมาประกอบเพื่อให้เกิดเส้นทางชีวิตของแต่ละคนที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าการที่เราแต่ละคนมีชีวิตที่ไม่เหมือนกัน พื้นฐานแล้วมาจากความคิดของพวกเรานั่นแหละที่เป็นปฐมเหตุที่ทำให้เราแต่ละคน เลือกวางแผน จัดการ สร้างสรรค์ชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างกัน และด้วยหลายสาเหตุที่ทำให้พวกเราหลายครั้งเลือกใช้วิธีคิดหรือผลของความคิดที่ไม่เป็นประโยชน์กับชีวิตของเรา และไม่ทำให้เรามีความสุขเลย

สมัยนี้วิทยาการทางด้านการศึกษาเรื่องความคิดเจริญขึ้นมาก เราค้นพบโรคใหม่ ๆ ทางความคิดไม่ว่าจะเป็นโรคสมาธิสั้น โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ โรคเหล่านี้หากมองในแง่ดี ก็ถือว่าเป็นการแสดงให้เห็นความก้าวหน้าทางความรู้ในทางประสาทวิทยา เป็นไปได้ว่าโรคเหล่านี้จริง ๆ แล้วคือธรรมชาติของมนุษย์ที่มีมานานแล้ว ในการรู้สึกเศร้าอย่างไร้สาเหตุ เกรี้ยวกราดเพราะหาทางออกไม่ได้ หรือคุ้มดีคุ้มร้ายในแต่ละวันมีมานานแล้ว หรือที่คนสมัยก่อนเรียกว่า "ผีเข้า" แต่สิ่งเหล่านี้ปัจจุบันทางการแพทย์ได้พยายามพัฒนาหาทางรักษา "ผี" ที่สิงในตัวเราคือความคิดผิด ๆ นั่นเอง ไม่ว่าจะในด้านการให้ยา หรือกิจกรรมส่งเสริมจิตบำบัด

จะเห็นได้ว่าโรคร้ายที่มาทำร้ายชีวิตเราอย่างเจ็บปวดที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ โรคร้ายทางความคิด ดังนั้นทางศาสตร์การแพทย์ได้แนะนำให้พวกเราฝึก "คิดบวก" แต่ฟังดูแล้วอาจจะกว้างไปหน่อยทำให้หลายท่านยังไม่สามารถลงลึกถึงความหมายหรือคุณค่าของวีธีในการคิดบวกได้อย่างเชื่อมั่น

การคิดบวกคือการกำจัดความคิดลบ หลงผิด บิดเบือนเบียดเบียนชีวิต แต่การคิดบวกถูกเข้าใจผิดเป็นการหลอกตัวเอง ไม่ยอมรับปัญหา เราสามารถยอมรับความจริง คิดหาทางออกอย่างมีเหตุผล และเลือกที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้ด้วยพลังในตัวเองคือแรงคิดบวกนั่นเอง

แต่ก่อนที่จะฝึกคิดบวก เรามารู้จักการคิดลบกันสักนิด จะได้รู้เท่าทันและสามารถหาทางที่จะกำจัดความคิดบั่นทอนเหล่านี้ออกไปจากชีวิต ความคิดลบนั้นมีสามแบบดังนี้

1. ความคิดที่ให้ราคากับอดีตมากเกินไป
การนำชีวิตปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับอดีตอยู่เสมอ หรือการเลือก ตัดสินใจเหตุการณ์ปัจจุบันโดยใช้อดีตเป็นเกณฑ์ จริงอยู่ที่อดีตคือประสบการณ์ แต่หากเกิดความผิดพลาดเราได้รู้สึกเสียใจ รู้สึกพลาดในวันนั้นไปแล้ว ปัจจุบันคือการเริ่มต้นใหม่

สิ่งที่ดิฉันชอบในวัฒนธรรมฝรั่งอย่างหนึ่งคือการปล่อยผ่านเรื่องอดีตอย่างเป็นอิสระ สังเกตได้จากภาษาอังกฤษ การใช้กริยาในอดีตกับปัจจุบันมีการเปลี่ยนรูป เขียนไม่เหมือนกัน มีการเติม ed หรือเปลี่ยนรูปไปเลย นั่นสะท้อนให้เห็นว่าฝรั่งเค้าแยกแยะระหว่างอดีตกับปัจจุบันอย่างชัดเจน

ดังนั้นอย่าตัดสินตัวเอง ว่าทำไม่ได้ เพราะอดีตเคยพลาด อย่าลดคุณค่าคนด้วยการมองอดีตที่ผิดพลาดตอกย้ำซ้ำ ๆ จนส่งผลถึงอนาคตที่เป็นวงจรอุบาทว์ ทำให้เราไม่สามารถหลุดจากวงจรผิดพลาดอย่างไม่จบสิ้น คนๆหนึ่งอาจเคยพลาด ไม่เอาถ่าน หากแต่วันนี้คิดได้และเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงจัง ก็สร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาได้

2. ความคิดแบบเป๊ะทุกอย่าง
มองอะไรเป็นสีดำ ไม่ก็ขาว ฝรั่งเค้าใช้คำว่า "absolute character" คือมองโลกแบบไม่ลงรายละเอียด เช่น หากคน ๆ หนึ่งมองว่า "ผมเป็นคนไม่เก่ง" มันคือความคิดลบที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต หากคน ๆ พัฒนาความคิดให้ประณีตหน่อยโดยมองว่า "ผมยังสับสนกับเรื่อง...อยู่" มันจะส่งผลให้เค้าหาทางแก้ไข แต่หากมองว่า "ผมไม่เก่ง" มันทำให้เค้าหยุดพัฒนาตัวเอง เพราะเค้าคือคนไม่เก่งจึงเลือกที่จะอยู่นิ่ง ๆ เพราะผมไม่เก่ง

หรือหากคน ๆ หนึ่งคิดว่า "ผมไม่มีเพื่อน" ก็จะเป็นคนเก็บตัวเพราะมองว่าตนอยู่ได้คนเดียวแบบมีความสุข สิ่งนี้จะสะท้อนให้เพื่อน ๆ รับรู้ และคน ๆ นั้นก็จะต้องอยู่คนเดียวแบบไม่มีเพื่อนไปเรื่อย แต่หากมองว่า "ผมเป็นคนสนใจในเรื่อง..." อย่างน้อยก็จะดึงดูดคนที่สนใจเรื่องคล้าย ๆ กันให้เข้ามาในชีวิต

3. ความคิดที่มองไม่เห็นจุดแข็งของตัวเอง และมองข้ามจุดแข็งของผู้อื่น
ความคิดลบเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นคิดบวก ซึ่งฝรั่งเรียกการคิดเชิงสร้างสรรค์นี้ว่า rumination (การไตร่ตรอง) คือการพิถีพิถันลงรายละเอียดในเรื่องราวสักหน่อย คำว่า rumination ในความหมายพื้นฐานหมายถึงการเคี้ยวเอื้องของวัว ที่เคี้ยวอาหารลงไปและสำรอกออกมาเคี้ยวต่อ

ซึ่งก็เลยเป็นที่มาของ rumination ในความหมายที่สองคือ ครุ่นคิด การคิดแบบที่เบื้องต้นเราอาจคิดได้ไม่ดี สรุปแบบไปเฉียบ แต่หากนำเอาข้อมูลของประสบการณ์ การสนทนา ข้อมูลต่าง ๆรวมกันเข้ามา คิดใหม่ก็ทำให้เกิดความคิดที่มีเหตุผลและชัดขึ้น

การดูถูกความคิดคนอื่นก็คือการดูหมิ่นความคิดของตัวเอง การมองคนอื่นอย่างไม่เป็นธรรมคือจุดสะท้อนกระบวนความคิดของเราอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นฝึกคิดให้ละเมียดละไม ขจัดความคิดลบ คิดร้าย ไม่สร้างประโยชน์แถมยังทำร้ายความสุข สุขภาพจิตของเรานะคะ

ครูฮ้วง

-----------------

ครูฮ้วง-เสาวลักษณ์ ลี้รุ่งเรืองพร เจ้าของสถาบัน Campus Genius Center ผู้สอนหลักสูตรติวเข้มเพื่อการสอบ SAT ด้วยแนวคิดแบบ Critical Thinking ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถยื่นคะแนนเข้าเรียน และประสบความสำเร็จในการเรียนคณะอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ



กำลังโหลดความคิดเห็น