แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ย้ำการฉีดวัคซีนมีประโยชน์ ป้องกันเจ็บป่วยรุนแรงและลดเสียชีวิต ได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง และปกป้องครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติ
วันนี้ (5 พ.ค.) ศ.คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกวัคซีนให้กับคนไทย นอกจากประสิทธิภาพและประสิทธิผลแล้ว สิ่งสำคัญคือความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้จากการฉีดวัคซีนทั่วโลก 1 พันกว่าล้านโดส ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิต แม้จะมีเหตุการณ์พบผู้เสียชีวิตภายหลังการฉีดวัคซีน แต่เมื่อชันสูตรแล้วพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ส่วนกรณีพบอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน เช่น การเกิดลิ่มเลือด องค์การอนามัยโลกได้ให้ข้อมูลว่าหลังฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ฉีด 1 ล้านคน พบการเกิดลิ่มเลือด 1 คน ถือว่าน้อยมาก ขอให้ประชาชนมั่นใจ
สำหรับประเทศไทย ขณะนี้มีวัคซีน 2 ชนิด คือ ซิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งซิโนแวคข้อมูลล่าสุดชัดเจนว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อที่ไม่มีอาการได้ถึงร้อยละ 78 ส่วนแอสตร้าเซนเนก้ากับไฟเซอร์ ได้มีการศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบกันในประเทศอังกฤษ พบว่า หลังฉีด 1 เข็ม ทั้ง 2 ยี่ห้อ ได้ผลในการป้องกันโรคถึงร้อยละ 65 และป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงที่ต้องเข้าไอซียูหรือเสียชีวิต ได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เท่ากัน ย้ำว่าประสิทธิภาพประสิทธิผล มีความชัดเจนและมีประโยชน์แน่นอน
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์อุดม กล่าวต่อว่า สำหรับประโยชน์ที่ได้จากวัคซีนนั้น จะทำให้ตนเองมีภูมิคุ้มกัน ปกป้องครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม หลังฉีดวัคซีนแล้ว ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากตลอดเวลา หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ ปรับพฤติกรรมตนเอง ไม่รับความเสี่ยงหรือทำให้ผู้อื่นมีความเสี่ยง เพราะวัคซีนที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่วัคซีนที่อยู่ในขวด แต่อยู่ที่พฤติกรรม โอกาสการแพร่เชื้อให้กัน เกิดจากการอยู่ใกล้กัน หากอยู่ห่างกันเกิน 2 เมตรและสวมหน้ากาก โอกาสติดแทบจะเป็นศูนย์
“การที่จะผ่านวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้ ทุกคนจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเอง และครอบครัว ประเทศชาติ โดยช่วยกันฉีดวัคซีน ขอยืนยันว่า วัคซีนมีความปลอดภัยสูงมาก ดีกว่าการที่ไม่ได้รับการฉีดแน่นอน ทำให้เกิดภูมิต้านทาน ไม่ติดเชื้อ ที่สำคัญคือ วัคซีนไม่ทำให้เสียชีวิต” ศ.คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์อุดม กล่าว