ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ชื่นชมบุคลากรโรงพยาบาลนครปฐม แก้ไขสถานการณ์และควบคุมโรคได้ดี ไม่กระทบงานบริการผู้ป่วย แม้พบบุคลากรติดโควิด-19 ถึง 13 ราย และต้องกักตัวอีกหลายราย เตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม 150 เตียง และขยายเตียงไอซียูเพิ่มอีก 10-15 เตียง
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่ จ.นครปฐม นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานควบคุมโรคโควิด-19 ของโรงพยาบาลนครปฐม ว่า วันนี้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัด มีเตียงรองรับผู้ติดเชื้อทุกประเภท ทั้งเตียงไอซียู ห้องแยกผู้ป่วยความดันลบ รวมทั้งหอผู้ป่วยโควิดรวม (Cohort Ward) และโรงพยาบาลสนาม รวม 415 เตียง โดยมีแผนจะขยายโรงพยาบาลสนามเพิ่มอีก 150 เตียง และเตียงไอซียูอีก 10-15 เตียง
นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวว่า การระบาดในระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 จังหวัดนครปฐม มีผู้ติดเชื้อสะสมประมาณ 340 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานช่วงอายุ 11-30 ปี ปัจจัยเสี่ยงช่วงแรกมาจากสถานบันเทิง ช่วงหลังเป็นการติดเชื้อในครอบครัว โดยพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน 3 กลุ่ม คือ จากสถานบันเทิงที่ศาลายาพบ 10 ราย ในโรงเรียนเอกชนพบ 24 ราย และในบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลนครปฐม 13 ราย ซึ่งเป็นการติดเชื้อจากการไปสถานที่เสี่ยง 7 ราย สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ 4 ราย และติดเชื้อขณะทำงาน 2 ราย
ทั้งนี้ ภายหลังพบบุคลากรติดเชื้อและบางส่วนต้องกักตัว โรงพยาบาลนครปฐมได้ปรับระบบบริการโดยลดบริการบางส่วนที่ไม่เร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เช่น เปิดให้บริการระบบการแพทย์ทางไกล การจัดส่งยาถึงบ้าน บริการเจาะเลือดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการนอกโรงพยาบาล การเลื่อนนัดผู้ป่วยที่ไม่เร่งด่วน เป็นต้น รวมทั้งได้จัดโซนการทำงานตามความเสี่ยง แบ่งทีมการทำงานเพื่อลดการสัมผัส และเข้มมาตรการป้องกันโรคทำให้สามารถควบคุมโรคได้และกลับมาให้บริการตามปกติแล้ว
“ต้องให้กำลังและชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคนของโรงพยาบาลนครปฐม ที่สามารถบริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ไม่กระทบกับงานบริการผู้ป่วย กระทรวงสาธารณสุข พร้อมให้การสนับสนุนอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และยาฟาวิพิราเวียร์ให้โรงพยาบาลนครปฐม เพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่องโดยวันที่ 24 เมษายน นี้ จะมียาฟาวิพิราเวียร์เข้ามาในประเทศอีก 2 ล้านเม็ด พร้อมกระจายเพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลทุกแห่งใช้ในการดูแลผู้ป่วยต่อไป” นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าว