นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีการติดเชื้อไปทั่วประเทศ มากกว่าครึ่งสามารถรับมือและควบคุมได้ มีประมาณ 20 จังหวัด ที่มีการระบาดมาก ขอให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่อดทนและเสียสละ ร่วมกันทำงานเพื่อควบคุมโรค ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งโรคนี้หากควบคุมได้อย่างรวดเร็วจะลดการติดเชื้อลงได้ รวมทั้งจากการใช้มาตรการควบคุมโรคและมาตรการทางสังคมต่างๆ คาดว่าปลายสัปดาห์นี้จะเริ่มเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง
สำหรับการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ เนื่องจากส่วนใหญ่การระบาดเป็นสายพันธุ์ใหม่คือ สายพันธุ์ B 1.1.7 หรือสายพันธุ์อังกฤษ จึงต้องดูแลผู้ติดเชื้อ 14 วัน จากเดิมที่ดูแลผู้ติดเชื้อเพียง 10 วัน ทำให้ผู้ติดเชื้อแต่ละคนต้องใช้เตียงนานขึ้น ประกอบกับมีข้อมูลปรากฏว่า การระบาดรอบนี้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้ดูเหมือนว่าผู้ติดเชื้อมีอาการมาก คนไข้หนักก็เริ่มเห็นมากขึ้น จึงต้องเตรียมความพร้อมเตียงไอซียู โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำคู่มือการประเมินความพร้อมในด้านต่างๆ เป็นแนวปฏิบัติให้ทุกโรงพยาบาลได้สำรองและเตรียมอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ไว้อย่างเพียงพอ
ส่วนเรื่องวัคซีนจำเป็นต้องมีการปรับแผนการฉีดตามสถานการณ์ ซึ่งในช่วงการระบาดความสำคัญอยู่ที่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ต้องได้รับวัคซีน 100% ในวันที่ 21 เมษายนนี้ จะกระจายวัคซีนซิโนแวค 1 ล้านโดส เพื่อฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าประมาณเกือบ 6 แสนโดส หรือประมาณ 3 แสนคน เร่งรัดการฉีดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 เมษายนนี้ จะทำให้การฉีดวัคซีนภาพรวมของประเทศไทยเกิน 1 ล้านโดส ภายในสัปดาห์นี้ และให้เร่งการฉีดวัคซีนทั้งเข็มแรกและเข็มที่สองในกลุ่มเสี่ยงในทุกจังหวัดด้วยเช่นกัน หากทำได้อย่างรวดเร็วจะส่งวัคซีนลงไปสนับสนุนเพิ่มเติม เนื่องจากยังมีวัคซีนที่จะเข้ามาอีก 5 แสนโดส ในวันที่ 24 เมษายนนี้ และกำลังเจรจานำเข้ามาอีก 1 ล้านโดส จากนั้นจะเป็นการฉีดวัคซีนลอตใหญ่ของแอสตร้าเซนเนก้าต่อไป