รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข Kick off กิจกรรม “หลังสงกรานต์ คนอยู่บ้านต้องปลอดภัย เชิญชวนคนไทยฉีดวัคซีนช่วยชาติ” ฝาก อสม. ร่วมคัดกรองกลุ่มเสี่ยง ให้ความรู้ D-M-H-T-T-A ชวนเพื่อนบ้านร่วมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ฉีดวัคซีนโควิด-19 และเยี่ยมติดตามหลังฉีด
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสาวเรวดี รัศมิทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และประธานชมรม อสม.ทุกจังหวัด
นายอนุทิน กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา บางส่วนเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการและไม่รู้ตัว เกิดการแพร่กระจายเชื้อไปทุกจังหวัด ต่อจากนี้อีก 1 เดือน ขอความร่วมมือ อสม. ช่วยเฝ้าระวังค้นหาผู้ติดเชื้อในพื้นที่ สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการควบคุมโรคโควิด-19 และเพื่อให้การฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 ครอบคลุมประชาชน เกิดภูมิคุ้มกัน ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ “หลังสงกรานต์ คนอยู่บ้านต้องปลอดภัย เชิญชวนคนไทยฉีดวัคซีนช่วยชาติ” โดยให้ อสม. เคาะประตูบ้านทุกหลังคาเรือน ให้ประชาชนมีความรู้และปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด ร่วมคัดกรองประชาชนที่บ้าน ติดตามเยี่ยมกลุ่มเสี่ยงในช่วงกักตัว 14 วัน ประสานส่งต่อโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล/หน่วยบริการสาธารณสุข เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีน เข้ารับการฉีดตรงตามนัด และติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีน
“ผมเชื่อมั่นว่าระบบการทำงานของ อสม. จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการฉีดวัคซีนและได้รับการดูแลให้มีความปลอดภัย สิ่งสำคัญที่สุด ขอให้ อสม. ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพแข็งแรง รัฐบาลขอเป็นกำลังใจ ดูแลค่าตอบแทน 500 บาทต่อเดือน จนกว่าสถานการณ์โควิดจะคลี่คลาย” นายอนุทิน กล่าว
ด้าน นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า สำหรับผลการปฏิบัติงานของ อสม. ทั่วประเทศ ในการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ในชุมชน ระลอกเดือนเมษายน 2564 อสม. ได้เคาะประตูบ้านไปแล้ว 2,616,030 หลังคาเรือน จากทั้งหมด 23,672,821 หลังคาเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 11.05 มี อสม.ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ 33 ราย เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 24 ราย ได้รับการช่วยเหลือแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,113,833 บาท