รมว.อว. สั่งเปิด รพ.สนาม ธรรมศาสตร์ 470 เตียง และ รามาธิบดี ที่สถาบันจักรีนฤบดินทร์ อีก 400 เตียง เสริมความเชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทยเป็นเลิศ สู้ภัยโควิดระลอกใหม่
วันนี้ (9 เม.ย.) ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมแถลงข่าวการเปิดโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ 470 เตียง ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี โดย รมว.อว. กล่าวว่า อว. มีสรรพกำลังทางการแพทย์และสาธารณสุขจำนวนมาก มีคณะแพทยศาสตร์ 22 แห่ง และคณะพยาบาลศาสตร์ 39 แห่งทั่วประเทศ บุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลสังกัด อว. ทุกแห่ง พร้อมเป็นกำลังเสริมช่วยรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิดระลอกสามให้สำเร็จอีกครั้ง หลังจากที่ประเทศไทยทำสำเร็จมาแล้วในการรับมือการระบาดทั้งสองรอบที่ผ่านมา
ปัญหาเฉพาะในวันนี้คือ การระบาดในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่อาจมีอาการป่วยไม่รุนแรง เข้ารับการตรวจและรักษาในโรงพยาบาลทั้งของภาครัฐและเอกชนในกรุงเทพฯ จนทำให้จำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิดที่มีการติดต่อได้ง่ายมีไม่มีเพียงพอ ผมจึงปรึกษา รพ.ธรรมศาสตร์ ซึ่งมีประสบการณ์เป็น รพ.สนาม แห่งแรกของไทย ตั้งแต่ปีที่แล้ว มีการเปิดและปิดโรงพยาบาลสนามมาแล้วสองรอบตามระลอกการระบาดของโควิดในไทย และสั่งการให้ รพ.ธรรมศาสตร์ เปิด รพ.สนาม อีกครั้ง โดยในครั้งนี้ รพ.ธรรมศาสตร์ มีความพร้อมเปิด รพ.สนาม พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ดูแลผู้ป่วยโควิดที่อาการไม่รุนแรงได้ถึง 470 เตียง ภายในวันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2564 นี้ พร้อมรับการส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลในกรุงเทพฯและปริมณฑล ช่วยให้โรงพยาบาลอื่นๆ มีจำนวนเตียงเหลือเพียงพอในการรับผู้ป่วยโควิดเพิ่มเติม
รมว.อว. กล่าวต่อว่า นอกจาก รพ.สนาม ธรรมศาสตร์แล้ว ตนยังได้ติดต่อ รพ.รามาธิบดี และได้รับแจ้งว่า รพ.รามาธิบดี จะเปิด รพ.สนาม โดยใช้อาคารจักรีนฤบดินทร์ มีขนาด 400 เตียง ทำให้อย่างน้อยจะมี รพ.สนาม ในสังกัด อว. ที่มีจำนวนเตียงไม่ต่ำกว่า 870 เตียง ประกอบกับ รพ.สนาม ในสังกัดของ กทม. อีกไม่ต่ำกว่า 300 เตียง และ รพ.สนามในสังกัดของทางทหารอีกไม่ต่ำกว่า 3,000 เตียง น่าจะเพียงพอในการรองรับผู้ป่วยโควิดในระลอกนี้ นอกจากนั้น อว.ยังมีมหาวิทยาลัยอยู่ทั่วประเทศ พร้อมเปิดพื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนามและมีบุคลากรทางการแพทย์พร้อมสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มที่
“ตนขอเน้นย้ำและขอให้ประชาชนทุกคนไม่ตื่นตระหนกและไม่แตกตื่น รวมทั้งอย่าตกใจกับ “ดรามา” ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยขอให้มีความมั่นใจในระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งของประเทศไทย ขอให้เชื่อม้่นในความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ของไทย ขอให้ตระหนักในการระวังป้องกันตัวตามมาตรการของภาครัฐ และเชื่อว่า สถานการณ์โควิดระลอกใหม่นี้ควบคุมได้ เราจะผ่านวิกฤตไปได้อย่างแน่นอน” ดร.เอนก กล่าวในที่สุด