“เอนก เหล่าธรรมทัศน์” รมว.การอุดมศึกษาฯ ปลุก ม.ศิลปากร สร้างคนในชุมชนให้เป็นศิลปิน นำศิลปะออกจากสตูดิโอไปสู่ประชาชน สร้างเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์นำมารายได้มาสู่ชุมชน แนะดึง “โรงเรียนเพาะช่าง” มาเป็นพันธมิตรเสริมแกร่งสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น 1 ใน 5 ของธัชชา
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้นำคณะผู้บริหาร อว. เยี่ยมชมผลงานของมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตท่าพระ และร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของวิทยสถานด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย (Thailand Academy of Social Science Humanities and Arts) หรือ ธัชชา ทั้งนี้ ศ.ดร.เอนก เปิดเผยว่า ผลงานของมหาวิทยาลัยศิลปากร ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญว่าทำไมประเทศไทยจะต้องมีการพัฒนาด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศิลปะนั้นยืนยาว เป็นทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรม แต่ผู้สร้างศิลปะมีอายุจำกัด ดังคำพูดของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่กล่าวว่า ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น ศิลปะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างประเทศชาติ พระเจ้าแผ่นดินของเราหลายพระองค์พยายามสร้างศิลปะมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงเจ้านายชั้นสูง ขุนนาง สามัญชน ชาวบ้าน ที่สร้างศิลปะให้แก่ประเทศไทย ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงการผสมกลมกลืนของชาติพันธุ์ ภาษา ชุมชน ซึ่งมหาวิทยาลัยศิลปากรมีส่วนสำคัญในการนำศิลปะสากล ศิลปะตะวันตก ผ่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี เข้ามารังสรรค์ศิลปะไทยให้เดินต่อไปข้างหน้า เราไม่สามารถอนุรักษ์แต่เพียงเท่านั้น แต่จะต้องสืบทอดพัฒนาศิลปะต่อไปอีกเรื่อยๆ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังมีชีวิต และจะมีชีวิตต่อไป ความยิ่งใหญ่ทั้งหลายจะต้องสร้างต่อไปอย่างไม่หยุด
“ถ้าชาติใดไม่มีศิลปะจะเป็นชาติที่ไม่มีอารยะ ขณะนี้ประเทศไทยเดินทางมาถึงวันที่ความรู้วิทยาการทั้งปวงกำลังผลิดอกออกผล หลังจากที่เราลงทุนลงแรงในการพัฒนามาโดยตลอด ไม่ว่าจะด้านวิทยาศาสตร์ ที่เวลานี้ได้ก้าวไปถึงขั้นที่สามารถวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงได้แล้ว เช่น การสร้างดาวเทียมและยานอวกาศที่จะส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ภายใน 7 ปี ด้านการแพทย์ก็ก้าวหน้ามาก อย่างการเกิดขึ้นของศูนย์ของกลางนวัตกรรมการแพทย์โยธี โดยโรงพยาบาลรามาธิบดี และด้านศิลปะวิทยาการ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากรได้รวบรวมผลงานนับร้อยของศิลปินไทยมาจัดแสดงให้เห็นว่าคนไทยมีฝีมือเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ไม่ได้ด้อยกว่าใครในโลก” รมว.อว.กล่าวและว่า
จากนี้ ตนอยากเห็นมหาวิทยาลัยศิลปากรเข้าไปช่วยชุมชน โดยทำให้คนในชุมชนเป็นศิลปินด้วยตนเองให้มากๆ ให้พวกเขามีความคิดและจินตนาการอยากสร้างงานศิลปะขึ้นในชุมชน ต้องทำให้มหาวิทยาลัยออกจากหอคอยงาช้างไปสู่ประชาชน ไปสู่การปฏิบัติและการพัฒนา นำศิลปะออกจากสตูดิโอไปสู่ประชาชน หากทำได้มากประเทศไทยจะสามารถไปสู่การทำเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ได้มากนำมารายได้มาสู่ชุมชน และจะต้องมีพันธมิตรโดยการดึงโรงเรียนเพาะช่างมาร่วมกันสร้างองค์ความรู้และความเข้มแข็งให้กับสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น ซึ่งเป็น 1 ใน 5 สถาบันของธัชชา เพื่อปลุกจิตวิญญาณช่างศิลป์ไทยและสืบสานองค์ความรู้ของประเทศให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทย