วันนี้ (5 มี.ค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในประเทศและต่างประเทศยังมีอยู่ วัคซีนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อลดความรุนแรงของอาการป่วย และลดอัตราเสียชีวิตจากโรค COVID-19 ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการให้บริการฉีดวัคซีน COVID-19 ในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นมา สำหรับกลุ่มเป้าหมายในสัปดาห์แรก ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน ในพื้นที่เสี่ยง 6 เขต คือ บางขุนเทียน บางบอน หนองแขม บางบอน บางแค และภาษีเจริญ โดยเป็นโรงพยาบาลเอกชน 13 แห่ง โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธฺโร อุทิศ และศูนย์บริการสาธารณสุข 7 แห่ง คือ ศูนย์ฯ 29 ศูนย์ฯ 42 ศูนย์ฯ 40 ศูนย์ฯ 47 ศูนย์ฯ 62 ศูนย์ฯ 48 และศูนย์ฯ65
สรุปรายงานผลการฉีดวัคซีนCOVID-19 ประจำวันที่ 4 มี.ค. 64 ณ เวลา 20.00 น. ให้บริการฉีดวัคซีนไปแล้วรวมทั้งสิ้น 408 ราย แบ่งเป็นบุคลากรโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 3 แห่ง จำนวน 85 ราย และโรงพยาบาลสังกัดอื่น จำนวน 323 ราย สรุปจำนวนผู้ได้รับวัคซีน COVID-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 1-4 มี.ค. 64 รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,790 ราย ผลการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน (ยอดสะสม ตั้งแต่วันที่ 1-4 มี.ค. 64) ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง จำนวน 11 ราย และไม่พบผู้ที่มีอาการรุนแรงแต่อย่างใด
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะแรกวัคซีนที่ส่งมอบให้จังหวัดต่างๆ มีจำนวนจำกัด จึงทำให้ต้องฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานด่านหน้า หลังจากนั้น จะฉีดให้กับกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง และกลุ่มคนที่ถ้าติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรง เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ตามลำดับ ซึ่งขั้นตอนการปฏิบัติที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์ และแนวทางที่ได้ซักซ้อมไว้ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ที่ได้รับวัคซีนสูงสุด อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด อาทิ ลดการเดินทางไปยังสถานที่เสี่ยง การล้างมือบ่อยๆ การเว้นระยะห่างระหว่างการ และการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นเมื่อต้องเดินทางไปสถานที่ต่างๆ เพื่อความปลอดภัย และลดการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้น