xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ด กสศ.เห็นชอบแผนบริหารความต่อเนื่องขององค์กร ลดความเหลื่อมล้ำช่วงโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะกรรมการบริหาร กสศ. เห็นชอบแผนบริหารความต่อเนื่องขององค์กร ลดความเหลื่อมล้ำช่วงโควิด-19 พร้อมติดตามความเสี่ยงการหลุดออกนอกระบบการศึกษา

วันนี้ (19 ม.ค.) นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 64 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร กสศ. รับทราบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 64 ที่เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ กสศ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังไปพิจารณาด้วย โดยเห็นควรที่ กสศ. คงอัตราเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษในอัตราเท่าเดิมไปก่อนสำหรับปีการศึกษา 1/2565 โดยในปีการศึกษา 2/2564 กสศ. จะทำการวิจัยทดลองเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนในกลุ่มเป้าหมายที่ยากจนที่สุดราว 30,000 คน ในอัตราใหม่ ได้แก่ อนุบาล จำนวน 4,000 บาท ประถมศึกษา จำนวน 5,100 บาท ม.ต้น จำนวน 4,500 บาท ม.ปลาย จำนวน 9,100 บาท/คน/ปี และจะนำผลการติดตามประเมินผลการสนับสนุนเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไขดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาจัดทำคำของบประมาณในปีงบประมาณ 2566 เพื่อสนับสนุนนักเรียนยากจนพิเศษให้ได้ในปีการศึกษา 1/2566 ต่อไป

นพ.สุภกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้เห็นชอบแผนบริหารความต่อเนื่องขององค์กร ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งด้านบุคลากร ด้านสถานที่ปฏิบัติงาน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูลสำคัญ ด้านวัสดุอุปกรณ์ที่สำคัญ โดยแต่งตั้งคณะทํางานบริหารความต่อเนื่องของสำนักงาน ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อกลุ่มเป้าหมาย อาทิ การปรับวิธีการโอนเงินตรงสู่กลุ่มเป้าหมายโดยตรง เช่น กรณีปรับแผนมุ่งจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษตรงไปที่เด็กเพื่อเป็นค่าครองชีพทั้งหมดผ่าน ช่องทางระบบ prompt pay หรือรับเงินสดที่โรงเรียน โดย กสศ.ได้จัดสรรเงินอุดหนุนให้นักเรียนกลุ่มเก่าต่อเนื่องในสังกัด สพฐ. ตชด.เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดสรรสังกัด อปท.ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 ม.ค. 64 รวมจำนวนนักเรียนกลุ่มเก่าต่อเนื่องที่ได้รับการจัดสรร 929,455 คน

“สำหรับนักเรียนกลุ่มใหม่ (ทุกระดับชั้นที่ไม่เคยได้รับทุน) ภายใต้ข้อจำกัดในการลงพื้นที่ช่วงการระบาดของโควิด-19 กสศ.ได้ปรับแผนให้คุณครูสามารถ สํารวจสอบถามข้อมูลครัวเรือนจากผู้ปกครองแทนการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านและบันทึกข้อมูล ซึ่งสถานศึกษาได้ดําเนินการคัดกรองเฉพาะกลุ่มใหม่เมื่อวันที่ 4-15 ม.ค. 64 เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ กสศ.อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลและตัดเกณฑ์ความยากจนด้วยวิธีการวัดรายได้ทางอ้อม หรือ PMT เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่นักเรียนกลุ่มใหม่ต่อไป นอกจากนี้ ยังมีระบบติดตาม (monitoring) ว่า วิกฤตครั้งนี้ได้กระทบคุณภาพการเรียนการสอนของนักเรียนนักศึกษาทุนหรือไม่ รวมถึงแนวโน้มความเสี่ยงการหลุดออกนอกระบบการศึกษาเพื่อช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีเป็นรายบุคคล” นพ.สุภกร กล่าว

ด้าน รศ.ดร.ชัยยุทธ ปัญญสวัสดิ์สุทธิ์ หัวหน้าโครงการวิจัยพัฒนาการเพิ่มประสิทธิภาพการการคัดกรองและติดตามผลการจัดสรรอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไขนักเรียนยากจนพิเศษ กล่าวว่า จากข้อมูลผลการวิจัยติดตามกลุ่มเป้าหมายของ กสศ. มามากกว่า 3 ปีการศึกษาพบว่า การปรับลดแผนการใช้เงินของ กสศ. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จากที่ กสศ.ขอไป จากเดิม 7,916.92 ล้านบาท เป็นกรอบวงเงิน 6,556.8649 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 1,360 ล้านบาท จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายนักเรียนยากจนพิเศษใน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนักเรียนยากจนพิเศษเดิม ระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนต้นจำนวน 886,852 คน จะมีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษามากขึ้น เนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นตามค่าครองชีพในแต่ละปี และรายได้ที่ลดลงจากวิกฤต COVID-19 นอกจากนั้น จะมีผลกระทบต่อกลุ่มนักเรียนยากจนพิเศษที่ขาดโอกาสศึกษาต่อระดับมัธยมปลายสายสามัญ/ปวช.หรืออุดมศึกษาจำนวน  48,523 คน ซึ่งปัจจุบันมีช่องว่างทางโอกาสทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาของครัวเรือนยากจนที่สุดและครัวเรือนร่ำรวยที่สุดมากกว่า 20 เท่า

“กสศ. ควรเร่งพิจารณากรอบการวิจัยเพื่อประเมินผลกระทบของเงินอุดหนุนและเสนอแนวทางการทดลองนำร่องการอุดหนุนในปีงบประมาณ 2565 เพื่อนำไปสู่การขยายผลรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งซึ่งไม่จำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณทั้งหมด รวมถึงการแนะนำการดำเนินนโยบายให้แก่หน่วยงานอื่นๆ” รศ.ดร.ชัยยุทธ กล่าว










กำลังโหลดความคิดเห็น