xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฏฐพล” ยกทีม 77 ศธ. รับมอบนโยบาย พลิกระบบการศึกษาทั่วประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปล่อยตัว 77 ทีม ศธ. รับมอบแผนพลิกการศึกษาทั่วประเทศ ยกภูเก็ตโมเดลเป็นต้นแบบ หวังพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยตามแผนยุทธศาสตร์ชาติและเท่าทันโลก

วันนี้ (18 ม.ค.) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศแผนบูรณาการการศึกษาทั่วประเทศเป็นนโยบายหลักในปี พ.ศ. 2564 โดยมีเป้าหมายเพื่อพลิกการศึกษาทุกตารางนิ้วของประเทศ ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงทั้งองค์กร อิงตามแผนพัฒนายุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี เน้นความสอดคล้องกับบริบทของแต่ละจังหวัด
​การศึกษาถือเป็นเครื่องมือชี้วัดคุณภาพและศักยภาพในด้านต่างๆ ของประเทศ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างทุนมนุษย์ (Human Capital) ที่มีความสามารถในการแข่งขันเท่าเทียมกับนานาอารยประเทศและเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของศตวรรษที่ 21 การพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และมีความจำเป็นเร่งด่วน จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่าโรงเรียนในสังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กว่า 15,000 โรงเรียน เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 120 คน การบริหารจัดการด้านงบประมาณที่มีอยู่ไม่สามารถพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดสรรบุคลากรทางการศึกษาไม่สามารถทำได้อย่างทั่วถึง ส่งผลต่อการเรียนการสอนที่ให้ประสิทธิผลของผู้เรียน นอกจากนี้จากสถิติการเกิดของเด็กในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ลดลงสวนทางกับจำนวนโรงเรียนที่มีเพิ่มมากขึ้น จึงต้องมีการบริหารจัดการให้มีความสอดคล้องเท่าทันไปกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

​กระทรวงศึกษาธิการภายใต้การบริหารของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตามแนวคิดที่ต้องการจัดการศึกษาที่ให้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน เพื่อสร้างทุนมนุษย์ที่มีศักยภาพและสามารถเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนของประเทศ จึงได้เกิดแผนบูรณาการการศึกษาทั่วประเทศขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการศึกษาในทุกตารางนิ้วของประเทศไทย โดยได้วางแผนให้มีการบริหารจัดการงบประมาณที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างโรงเรียนคุณภาพให้กับชุมชน มีพื้นที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้และทำกิจกรรม สร้างตึกและอาคารเรียนที่ได้มาตรฐานระดับสากล จัดสรรบุคลากรทางการศึกษาที่มีอยู่ในระบบให้เข้าถึงในทุกโรงเรียน ทั้งนี้ การบริหารจัดการแผนบูรณาการการศึกษาในครั้งนี้มุ่งเน้นการทำงานที่เชื่อมโยงประสานกันของบุคลากรกระทรวงศึกษาธิการทั่วประเทศ โดยแผนการดำเนินงานนั้นไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการศึกษาเท่านั้น แต่ยังดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศและบริบทของแต่ละจังหวัดอีกด้วย

“หลังจากที่ผมได้ลงพื้นที่และศึกษาข้อมูลกว่า 1 ปีที่อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต้องยอมรับว่า ได้พบปัญหาในการบริหารจัดการการศึกษาให้มีคุณภาพอยู่มาก ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นการรื้อระบบการศึกษา เพื่อสร้างคุณภาพใหม่ทั้งระบบ สร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยสำหรับเด็กๆ โดยใช้ความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรทางการศึกษาที่มีอยู่ทั้งหมดของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งแผนบูรณาการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างคุณภาพการศึกษาไทยอย่างยั่งยืน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าว

“ผลของการดำเนินงานครั้งนี้เด็กๆ ซึ่งเป็นอนาคตของเราจะไม่เพียงได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่องของสิ่งแวดล้อมทางการศึกษาที่มีความสมบูรณ์มากขึ้น แต่จะได้รับการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพจากการที่มีครูครบชั้น ครบวิชา ในแต่ละโรงเรียนได้รับเงินอุดหนุนที่สามารถจัดการทำกิจกรรมต่างๆ ด้านคุณครูเมื่อครูครบชั้นก็จะลดเวลา ลดภาระงาน และพุ่งเป้า หรือให้ความสำคัญในการพัฒนาการเรียนการสอนให้กับเด็กๆ ได้มากขึ้น”

​“สิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการจะต้องคิดจากนี้ต่อไป ก็คือ เราจะใช้พื้นที่โรงเรียนบางส่วนในการพัฒนาสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับชุมชน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่การเรียนรู้เพิ่มเติมสำหรับเด็กๆ การสร้างคอมมูนิตี้หรือหอพักสำหรับคุณครู หรือมุ่งหวังถึงการเป็นพื้นที่สำหรับพัฒนาทักษะๆ เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนในชุมชนให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละจังหวัดอีกด้วย” นายณัฏฐพลกล่าวเสริม

​ทั้งนี้ แผนบูรณาการการศึกษาดังกล่าว ได้มีการลงพื้นที่สำรวจและพัฒนาโดยการใช้พื้นที่ จ.ภูเก็ต เป็นต้นแบบ ซึ่ง จ.ภูเก็ต มีความโดดเด่นเรื่องของการท่องเที่ยวและบริการ โดยเฉลี่ยในแต่ละปีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 18% เลือกเดินทางสู่ จ.ภูเก็ต สร้างรายได้กว่า 29% ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งประเทศ ดังนั้น แนวทางการพัฒนาการศึกษานอกจากจะมุ่งเน้นทางด้านวิชาการแล้ว ก็มีแนวคิดที่จะเสริมทักษะด้านภาษาที่สองและสามให้กับนักเรียน นักศึกษา สร้างโรงเรียนฝึกอาชีพเพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นต้น

โดยแนวทางการพัฒนาโรงเรียนใน จ.ภูเก็ต นั้น ได้วางเป็น 3 แนวทางหลัก คือ
​แนวทางที่ 1​ โรงเรียนคุณภาพชุมชนระดับประถมศึกษา
​แนวทางที่ 2 ​โรงเรียนขนาดเล็กที่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ (Stand Alone)
​แนวทางที่ 3 ​ยกระดับโรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมือง
​จากการศึกษาเบื้องต้นตามแผนพัฒนาโรงเรียนใน 3 รูปแบบ ส่งผลให้เงินงบประมาณให้กับโรงเรียนใน จ.ภูเก็ต สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ จากการประชุมได้มอบหมายให้ตัวแทนจากทั้ง 77 จังหวัดได้ทำแผนพัฒนาในจังหวัดของตนเองเพื่อนำเสนอแนวทางพัฒนารวมถึงการพิจารณาวางแผนงบประมาณที่ต่อเนื่องต่อไป












กำลังโหลดความคิดเห็น