xs
xsm
sm
md
lg

ไทยโควิดเป็น 0 ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ รักษาหายเพิ่ม 2 ราย ทั่วโลกติดเชื้อทะลุ 31 ล้านคน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศบค.เผย ประเทศไทยวันนี้ไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศ และคนที่มาจากต่างประเทศเข้าพักในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ยอดติดเชื้อสะสมคงที่ 3,506 ราย ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 2 ราย กำลังรักษาอยู่ 105 ราย ด้านสถานการณ์ทั่วโลกตอนนี้มีผู้ยอดติดเชื้อถึง 31 ล้านกว่าคน สหรัฐอเมริกา มาอันดับ 1 ติดเชื้อเกิน 7 ล้านคน

วันนี้ (21 ก.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า ไม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ทั้งในประเทศ และสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ รักษาผู้ป่วยหายเพิ่ม 2 ราย

สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,506 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,445 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 568 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,342 ราย ส่วนผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 105 ราย โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 59 ราย

สถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก
วันจันทร์ที่ 21 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น.
ยอดผู้ติดเชื้อรวม 31,231,209 ราย
อาการรุนแรง 61,239 ราย
รักษาหายแล้ว 22,822,258 ราย
เสียชีวิต 965,063 ราย

อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด
1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 7,004,768 ราย
2. อินเดีย จำนวน 5,485,612 ราย
3. บราซิล จำนวน 4,544,629 ราย
4. รัสเซีย จำนวน 1,103,399 ราย
5. โคลอมเบีย​ จำนวน 765,076 ราย

ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 133 จำนวน 3,506 ราย


นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกในช่วงนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 300,000 รายต่อวัน ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกสะสมกว่า 31 ล้านราย และมีหลายประเทศกลับมาพบการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งแต่ละประเทศได้มีมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป อาทิ อังกฤษ ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 4,000 รายในวันเดียว ได้ออกมาตรการเข้มการกักตัวผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสใกล้ชิด และสั่งปรับผู้ที่ฝ่าฝืน รวมถึงเอาผิดนายจ้างที่ลงโทษลูกจ้างที่ต้องกักตัว สำหรับเมียนมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จำนวน 671 รายภายในวันเดียว ได้มีมาตรการลดความแออัด ชาวเมียนมาที่เดินทางกลับเข้าประเทศจะต้องถูกกักตัว 14 วันและกักตัวที่บ้านต่ออีก 7 วัน และล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อในประเทศ

สำหรับประเทศไทย การติดเชื้อในขณะนี้ส่วนใหญ่มาจากผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งภาครัฐได้วางมาตรการเฝ้าระวังควบคุมโรคทั้งด่านท่าอากาศยาน และด่านพรมแดน ผู้เดินทางทุกรายต้องเข้ารับการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังอาการในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) สถานกักตัวที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) หรือสถานพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) และตรวจหาเชื้อตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยสถานกักตัวทางเลือกไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือโรงพยาบาลผู้กักตัวจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายหากพบติดเชื้อ จากประกันโควิดที่ทำไว้ก่อนการเดินทางเข้าประเทศ ส่วนสถานที่รัฐจัดให้จะจัดไว้สำหรับคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศเท่านั้น โดยรัฐจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ ส่วนคนในประเทศเองขอให้อย่าประมาท ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ทุกครั้งที่ออกจากบ้านและตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงการนำมือสัมผัสบริเวณใบหน้า ตา จมูกปาก เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่นเท่าที่ทำได้ เลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด เมื่อป่วยขอให้อยู่บ้านหรือรักษาตัวให้หายก่อนไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น


กำลังโหลดความคิดเห็น