รมว.ศธ.แจงข้อเรียกร้องของ นร.ส่วนใหญ่อยู่ในแผนงานที่ทำมาตลอด 1 ปี มีหลายเรื่องดำเนินการไปแล้ว แต่หลายเรื่องต้องใช้เวลา และฟังความเห็นของส่วนอื่นๆ ด้วย ย้ำหากเรียกร้องให้ออกจากตำแหน่งเท่ากับคุกคาม ศธ. ลั่นมีแนวทางการแก้ไขทุกเรื่อง
วันนี้ (5 ก.ย.) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้แถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการหลังจากได้รับข้อเรียกร้องจากนักเรียนทั่วประเทศรวมทั้งผู้ปกครองทุกระดับชั้น ณ กระทรวงศึกษาธิการ เวลา 10.00 น.
โดยในการแถลงข่าวนายณัฏฐพล ได้สรุปถึงข้อเรียกร้องจากนักเรียน ซึ่งมีดังนี้
1. เรื่องทรงผมนักเรียน
2. เรื่องการแต่งกาย
3. เรื่องหลักสูตรที่ไม่ทันสมัย ทันโลก
4. เรื่องการเปิดช่องทางแสดงความคิดเห็น
5. เรื่องภาระของครูที่มีมากเกินไป
6. เรื่องการยกเลิกการสอบ O-Net
7. เรื่องการคุกคามทางเพศในโรงเรียน
8. เรื่องความหลากหลายทางเพศในโรงเรียน
9. เรื่องการเพิ่มการเรียนภาษาอังกฤษ - ภาษาที่สาม
10. เรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
จากข้อเรียกร้องทั้งหมดทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวว่า ส่วนใหญ่นั้นอยู่ในแผนงานที่ได้ดำเนินการมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว แต่เมื่อมีข้อเรียกร้องของนักเรียนเข้ามา ก็ได้มีย้ำข้าราชการในสังกัดต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องขับเคลื่อนนโยบายให้มีความรวดเร็วและเข้มข้นมากขึ้น
สำหรับตนเองแล้วยอมรับว่าหลายสิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการนั้นยังขาดการสื่อสารออกไปเป็นวงกว้าง และการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็เป็นการปรับปรุงเรื่องของโครงสร้าง วางรากฐานต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานต่อไปข้างหน้านั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอบสนองต่อนโยบายทางการศึกษาที่ได้วางไว้นั่นก็คือ “การศึกษายกกำลังสอง” ที่เน้นการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการให้ “ปลดล็อก ปรับเปลี่ยน เปิดกว้าง”
โดยการดำเนินงานตามข้อเรียกร้องนั้นมีความคืบหน้าดังนี้
ทรงผม
- การปรับกฎกระทรวงฯ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน
- ละเว้นการใช้ข้อ 7
ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
- เปิดแพลตฟอร์บออนไลน์ DEEP สําหรับครูและนักเรียน
- สร้างศูนย์ HCFC กระจายอยู่ทั่วประเทศ 185 ศูนย์
การแต่งกาย
- ยังคงไว้เพื่อความปลอดภัยของเด็ก
เพิ่มการเรียนภาษาอังกฤษ
- เพิ่มครูต่างชาติ 20,000 อัตรา ผ่าน ครม.แล้ว
- ใส่หลักสูตร English Literacy ผ่านแพลตฟอร์ม DEEP
คุกคามทางเพศในโรงเรียน
- ตั้ง ศคพ.
- Hotline 1579
- ให้ออกจากราชการไปแล้ว 14 ราย ไม่มียอมความ
ปรับหลักสูตรการศึกษา
- มีการสั่งการทบทวนหลักสูตรทั้งหมด
- ลดการบ้าน
ความหลากหลายทางเพศในโรงเรียน
- สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เรื่อง พ.ร.บ.คู่ชีวิต
- สร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับครู
ยกเลิก O-NET
- เรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเร่งด่วน
- เปิดช่องทางแสดงความเห็นผ่านwww.nataphol.com
ภาระครูที่มีมากเกินไป
- เตรียมยกเลิกกิจกรรมที่ไม่จําเป็น
- เปลี่ยนการประเมินครูเพื่อลดงานเอกสาร
เปิดช่องทางแสดงความคิดเห็น
- สั่งการให้โรงเรียนในสังกัดเปิดเวทีแสดงความเห็น
-รับความคิดเห็นตรงผ่าน www.nataphol.com
นายณัฏฐพลกล่าวเสริมว่า “จากยุทธศาสตร์แผนงานการศึกษายกกำลังสองที่ผมได้มอบหมายนโยบายให้กับทุกฝ่ายไปเรียบร้อยแล้วนั้น ผมเชื่อว่าการปฏิรูปการศึกษาไทยทั้งระบบให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องของเด็กๆ จะสามารถดำเนินการได้อย่างแน่นอน ขอเพียงแต่ให้เวลาในการขับเคลื่อนนโยบายและทุกฝ่ายให้ความจริงใจในการแก้ปัญหา ผมเชื่อว่าการศึกษาไทยจะสามารถพัฒนาเด็กๆ ให้มีความสามารถและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของศตวรรษที่ 21 อย่างแน่นอน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การดำเนินการบางข้ออาจจะยังไม่ตอบโจทย์ข้อเรียกร้องของนักเรียน นายณัฏฐพกล่าวว่า เรื่องที่มีข้อเสนอแนะมานั้นเป็นข้อเสนอจากคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ตนต้องฟังความคิดเห็นจากคนส่วนใหญ่ ทั้งครู ผู้ปกครอง ผู้บริหารสถานศึกษา แนวทางปฏิบัติของคนทั่วประเทศ รวมถึงแนวทางปฏิบัติของนานาชาติด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมาพูดคุยและต้องวางลำดับความสำคัญ อย่างเรื่องการแต่งกาย หากจะยกเลิกตนก็ชัดเจนว่าคงไม่ใช่ภายในปีนี้ หรือในช่วงที่ตนอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ขณะเดียวกันอีกหลายเรื่องยังสามารถทำความเข้าใจและพูดคุยกันได้
“ส่วนวันนี้ที่น้องๆ จะมาที่ ศธ.นั้น ผมได้ติดตามทางทวิตเตอร์ก็เห็นว่า เขาเตรียมหาทางให้รัฐมนตรีตอบคำถามไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ผมเลือกที่จะพบหรือไม่พบก็ได้ แต่ผมเลือกที่จะพูดคุยกันอย่างสันติวิธี ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมกับการศึกษาไทยและประเทศไทย และคิดว่าการเปิดเวทีรับฟังในทุกรูปแบบจะลดความกดดัน หรือลดความไม่เข้าใจลงได้บ้าง” นายนัฏฐพลกล่าว และว่าตนไม่มีปัญหากับการแสดงออก ตราบใดที่ไม่เกิดความรุนแรง ก็พร้อมจะพูดคุยกัน
ส่วนข้อเสนอที่จะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลาออกหากไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องของนักเรียนได้ นั้น นายนัฏฐพลกล่าวว่า การพูดเช่นนั้นคือการคุกคามตน เพราะตอนนี้ตนและผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการทุกคนพยายามแก้ไขปัญหาทุกเรื่องอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา