จากการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุที่รวดเร็วในประเทศไทยนั้น การหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพความเป็นอยู่ของผู้สูงวัย จึงเป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวควรให้ความสำคัญ ในขณะเดียวกัน ความต้องการของพยาบาลก็มีมากขึ้น ทั้งจำนวนและคุณภาพ พยาบาลจึงต้องมีความรู้ความสามารถ เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยครอบคลุมทั้งวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีความเจ็บป่วยซับซ้อนในโรงพยาบาล วันนี้เราจะพาไปพูดคุยกับรุ่นพี่ศิษย์เก่าคณะพยาบาลศาสตร์ ที่สำเร็จการศึกษาทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท หลักสูตรการพยาบาลผู้ใหญ่จากรั้วมหาวิทยาลัยรังสิต
คุณอังคณา สมคง หรือ “ตาบู” ศิษย์เก่าพยาบาล รุ่นที่ 11 ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตร ภาควิชาการพยาบาลผู้ใหญ่ คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา นอกจากการเป็นอาจารย์แล้วยังเป็นผู้เชี่ยวชาญทางผิวพรรณ Clinical Skin Care Specialist ดร.สมชาย คลินิก (แบรนด์ ดร.สมชาย) บริษัท เอส.เอส.แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด อีกด้วย
คุณตาบู เล่าย้อนไปในขณะที่เรียนพยาบาลว่า จุดเริ่มต้นของการเรียนพยาบาลที่นี่ก็คือ คุณพ่อเห็นว่าเราเป็นลูกสาวจึงอยากให้เรียนพยาบาล เพื่อที่จะได้กลับมาดูแลครอบครัว ก็เลยมองมาที่มหาวิทยาลัยเอกชนที่ไหนดี คุณพ่อกับคุณแม่เลยตัดสินใจว่า ม.รังสิต เป็นสถาบันการศึกษาที่อยากให้ลูกเข้ามาเรียน
“บู เป็นนักศึกษาพยาบาลรุ่นที่ 11 หลังจากเรียนจบปริญญาตรีพยาบาลที่นี่แล้ว ช่วงที่ตัวเองเรียนจบประมาณปี 41-42 เป็นช่วงที่พยาบาลล้นตลาด เลยต้องผลักดันตัวเองดูว่าอะไรที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นก็เลยเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลเอกชน ตอนนั้นทำงานที่คลินิกไปด้วยเริ่มรู้สึกสนุกกับการทำงานจนไม่มีเวลาพักเลย ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ในวัยทำงานและกำลังเป็นผู้ใหญ่ หลักสูตรการพยาบาลผู้ใหญ่ก็อยู่ในสาขาที่น่าสนใจ และเราเป็นศิษย์เก่าที่เข้าไปช่วยงานท่านคณบดีอยู่แล้ว ก็เลยปรึกษาอาจารย์ว่าถ้าจะเรียนต่อคิดว่าอย่างไรดี ท่านก็เห็นด้วยและเปิดให้นักศึกษาและผู้สนใจได้เข้ามาเรียน แต่ต้องมีประสบการณ์ในการทำงาน 2 ปี บูมีประสบการณ์มาแล้วจึงไปสอบ และได้เข้ามาเรียนต่อปริญญาโท สาขาวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่ คณะพยาบาลศาสตร์ ที่ ม.รังสิต อีกครั้ง”
นางฟ้าชุดขาวต้องกายพร้อมใจพร้อม
“รุ่นที่เรียนมีนักศึกษาประมาณ 12 คนบูเรียน ป.โท การพยาบาลผู้ใหญ่ เป็นรุ่นแรก ซึ่งเราต้องขยันมากๆ ที่นี่จะสอนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ อีก 5 วันที่เหลือเราทำงาน”
ส่วนตัวบูคิดว่า คนที่เรียนทางด้านนี้นอกจากเราจะต้องมีจิตใจที่พร้อมแล้วแน่นอนว่า กายก็ต้องพร้อม และเวลาพร้อม ในส่วนของการเรียนต่อในระดับปริญญาโท ทักษะและองค์ความรู้การพยาบาลเรามีอยู่แล้ว แต่ควรมีทักษะต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของการเรียนสาขาวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่นั้น หลักสูตรจะใกล้เคียงกับการเรียนแพทย์เลย เพราะจะลงลึกมากในเรื่องของการพยาบาลและโรคต่างๆและจะต้องเรียนร่วมกับกลุ่มของอาจารย์แพทย์ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ก็จะสอนเราอย่างเข้มข้น
ดังนั้น องค์ความรู้ก็จะเป็นส่วนประกอบที่เราจะต้องเตรียมตัว อ่านหนังสือ ทำเปเปอร์ส่งงานกับอาจารย์ ถ้าเป็นสถาบันที่เราเรียนแค่ช่วงเสาร์-อาทิตย์แล้ว เราก็จะต้องรีบขวนขวายหาความรู้ กระตือรือร้นอยู่เสมอ สุดท้ายคือการจัดสรรเวลาของตัวเองให้ลงตัวด้วย
หลักสูตรที่ตอบโจทย์เมื่อไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
หลักสูตรนี้ทำให้เรารู้สึกว่า “เราเข้าใจผู้สูงอายุมากยิ่งขึ้น” สังคมของเมืองไทยเราอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ถึงแม้ว่าเราจะแยกครอบครัวออกมาแล้วก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวยังอยู่ จึงต้องมีการเตรียมตัว ดังนั้น ถ้าเราไม่ได้เรียนตรงนี้โอกาสที่เราจะเข้าใจผู้สูงอายุยากมากๆ เนื่องจากเป็นวัยเปลี่ยนผ่านวัยผู้สูงอายุจะตัดประมาณที่ 60 ปี ซึ่งเราจะเห็นว่า วัย 60 ปี บางคนก็ยังดูหนุ่มสาวอยู่ บางคนที่ดูแลตัวเองดีๆ ยังกระฉับกระเฉงดูแข็งแรง แต่เขาเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแล้ว เราก็เลยต้องการจะใช้วิธีการเรียนตรงนี้เตรียมเพื่อที่จะปรับความเข้าใจว่าผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของร่างกาย จิตใจ สังคม และจะช่วยในเรื่องของการพัฒนาเพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
เส้นทางการเป็นอาจารย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ
สำหรับจุดเริ่มต้นก่อนที่จะมาเป็นอาจารย์ บูทำงานที่คลินิก ดร.สมชาย มาก่อน ซึ่งก่อนที่จะทำงานที่คลินิก บูทำงานในโรงพยาบาล ตอนนั้นมีเพื่อนมาชวนไปสมัครเพราะว่ารักสวยรักงาม หลังจากนั้นก็ทำมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ทำงานที่นี่ก็จะมีวันหยุด จึงคิดว่าเราจะต้องพัฒนาตัวเองด้วย ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบใช้เวลาว่าง จะทำงานเยอะมาก เลยคิดว่าเราเรียนต่อโททางด้านการพยาบาลผู้ใหญ่มาแล้ว ประสบการณ์การทำงานก็มี จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นอาจารย์
“โดยเนเจอร์แล้วคนที่เป็นพยาบาลโอกาสที่จะกลับไปดูแลครอบครัวน้อยมาก เพราะเราจะต้องดูแลครอบครัวคนอื่นมากกว่า ก็เลยคิดว่ามาเป็นอาจารย์ดีกว่า แล้วสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราพัฒนาคนสร้างโคลนนิ่งแบบที่เราอยากได้ เราก็เลยต้องสอน ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ ถ่ายทอด การเป็นวิทยากร การเป็นอาจารย์หรือว่าการพัฒนาตัวเองฝึกอบรมก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเกิดทักษะและก็ได้ความคิดดีๆ จากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งท่านได้ปลูกฝังให้เราเป็นคนที่มีจิตสาธารณะ เป็นผู้ให้ตลอดเวลาโดยที่รับแรงกดดันต่างๆ ได้สูงมาก”
พูดถึง ม.รังสิต
ในส่วนของม.รังสิต เอง มีความแข็งแกร่งตั้งแต่ผู้บริหารคือท่านอธิการบดี ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ คือพ่อของเรา ท่านได้ทำหน้าที่ของท่านอย่างเต็มความสามารถ ตั้งแต่บูเข้ามาที่นี่ก็ยังไม่เคยได้เห็นว่าท่านหยุดเลย ท่านเป็นนักพัฒนาในทุกๆ ด้าน
และมีศักยภาพทางด้านการศึกษา ทำให้มหาวิทยาลัยของเรามีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง และผลิตบัณฑิตที่ดีมีคุณภาพสู่สังคม ถ้าใครพูดถึง ม.รังสิต ก็ต้องนึกถึงท่านอธิการบดีของเราค่ะ
การใช้ชีวิตแบบ New Normal
หลังจากนี้ก็คิดว่าจะมีการนำความรู้ที่ได้เรียนมาต่อยอดไปทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งเป็นความฝันที่เราคิดไว้อย่างหนึ่งคือ อยากทำสถาบันหรือสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ โดยผลิตพยาบาลที่จะไปดูแลผู้สูงอายุ เพราะว่าสังคมตรงนี้เปลี่ยนไปตลอดเวลา และตอนนี้การใช้ชีวิตที่เป็นNew Normal ทุกอย่างถ้ามีโอกาสก็คิดว่าจะเรียนต่อในระดับปริญญาเอกแน่นอน และคงไม่ไปที่ไหนแล้ว เพราะเชื่อมั่นว่าม.รังสิต จะทำให้เราพัฒนาได้ เนื่องจากมีอาจารย์หลายท่านที่มีความสามารถ บัณฑิตที่จบออกไปมีความสามารถ เป็นที่ยอมรับของสังคมและต่างชาติด้วย
สุดท้ายฝากถึงน้องๆ ที่กำลังจะเรียนจบพยาบาล และกำลังจะเป็นพยาบาลในไม่ช้านี้ น้องๆ โชคดีที่ได้เรียนจบคณะพยาบาลฯ ม.รังสิต เพราะเราจะได้อะไรมากกว่าที่คาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเรียน เราผ่านการฝึกงานมาอย่างหนัก ทุกอย่างจะทำให้น้องแกร่งขึ้น ม.รังสิต สอนให้มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมวิชาชีพ สอนให้เรารู้จักแบ่งปัน ไม่ทำร้ายสังคม และพร้อมที่จะให้กับเพื่อนสหสาขาวิชาชีพ โดยที่เราไม่หวังผล ขอให้น้องๆ รักในวิชาชีพพยาบาล จงใช้ความอดทน อุปสรรคมีแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าทุกคนก็จะผ่านไปได้ และมีกำลังใจให้กับตัวเองในทุกๆ วัน ในฐานะศิษย์เก่าขอให้ทุกคนโชคดี และประสบความสำเร็จในการเรียนด้วยค่ะ