แม้จะเพิ่งก่อตั้งเป็นคณะเมื่อราว 5 ปีก่อน แต่อันที่จริงคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เคยเป็นสาขาภาพยนตร์ของคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มาตั้งแต่ปี 2549 ก่อนจะแยกตัวออกมาจากคณะนิเทศศาสตร์ เพื่อขยับขยายเป็นคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ เนื่องจากทุกปีมีผู้สนใจสมัครเข้าเรียนเป็นจำนวนมากซึ่งนับเป็น Film School เต็มรูปแบบแห่งแรกๆ ของไทย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ทำหน้าที่แหล่งรวมเยาวชนผู้มี passion ในการทำหนัง และผลิตบุคลากรป้อนทุกสายงานการผลิตภาพยนตร์ทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลังมาแล้วมากมาย แต่ละปีมีผู้สมัครเข้าเรียนจำนวนมากกระทั่งที่นั่งเต็มเร็วจนต้องปิดรับสมัครล่วงหน้าเสมอ จึงอาจกล่าวได้ว่า ที่นี่เป็นหนึ่งใน Film School ของภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด
“คนทั่วๆไปอาจมีจุดมุ่งหมายในชีวิตว่า อยากทำงานดีๆ รายได้สูงๆ จึงเลือกเรียนตามเพื่อนและคนรอบข้างตามตลาดงาน หรือตามกระแสสังคมจนบางครั้งก็ตัดสินใจผิดเลือกเรียนหรือทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบจริงๆ” อาจารย์เศรษฐา วีระธรรมานนท์ คณบดีคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าว “ต่างจากคนที่เรียนด้านการทำหนังที่ส่วนใหญ่เลือกเรียนตาม passion หรือความหลงใหลในศาสตร์การทำหนัง ด้วยความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็น ‘คนทำหนัง’ ไม่ว่าจะในส่วนใดของสายงานก็ตาม เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าตำแหน่งและรายได้ คือการได้ทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำจริงๆ และนั่นก็ทำให้คนที่เลือกเรียนด้านภาพยนตร์มีบุคลิกเฉพาะตัวที่เต็มไปด้วย passion หรือไฟในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เหมือนอย่างที่ท่านอาจารย์เพชร โอสถานุเคราะห์ อธิการบดี ม.กรุงเทพ เคยนิยามคำว่า passion ไว้ในงานปฐมนิเทศออนไลน์หรือ Diamond Days Online Orientation ของมหาวิทยาลัยเมื่อไม่นานมานี้”
เหตุผลที่ทำให้คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สามารถเปลี่ยน passion ของผู้เรียนให้เป็น
success หรือความสำเร็จได้นั้น ได้แก่ การเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญจริงจากวงการภาพยนตร์ เช่น CJ Major Entertainment, Transformation Films, บาแรมยู, Lighthouse Film Service, Blackmagic Design, สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยฯลฯ อุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย แล็บ สตูดิโอ และเครื่องไม้เครื่องมือล้วนได้มาตรฐานระดับสากลและใช้ในอุตสาหกรรมจริง การเรียนการสอนแบบ Project-based Learning ที่ผู้เรียนจะได้สร้างหนังหรือฝึกปฏิบัติจากโจทย์จริง หลายคนมีโอกาสร่วมทำหนังกับนักสร้างหนังมืออาชีพ หรือมีผลงานหนังเป็นของตัวเองตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
การส่งเสริมให้นักศึกษาส่งผลงานเข้าแข่งขันทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อพัฒนาทักษะการทำหนังให้มีความแข็งกล้าและที่สำคัญอีกประการคือเครือข่ายศิษย์เก่าที่ทำงานอยู่ในวงการภาพยนตร์จำนวนมาก นับตั้งแต่ยังเป็นเพียงสาขาภาพยนตร์ของคณะนิเทศศาสตร์ รุ่นพี่รุ่นน้องมีความสัมพันธ์กันอย่างเหนียวแน่น รุ่นพี่พร้อมสนับสนุนให้รุ่นน้องไปฝึกงานและร่วมงานด้ว ยซึ่งคอนเนกชั่นเหล่านี้ต่อให้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้
จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้ที่ผ่านมา ทั้ง 2 สาขาของคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ คือ สาขาภาพยนตร์ และ สาขาสื่อดิจิทัล มีจำนวนผู้สมัครเรียนเกินอัตราที่จะรับได้ตลอดมา ดังนั้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป ทางคณะจึงมีนโยบายสอบสัมภาษณ์ ร่วมกับการพิจารณา portfolio ของผู้สมัคร เพื่อคัดเลือกให้ได้ผู้เรียนที่มี passion จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้วงการภาพยนตร์จริงๆ เท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงอุปกรณ์การเรียนให้มากขึ้นด้วย โดยถ้ามีจำนวนผู้สอบผ่านการคัดเลือกครบก็จะปิดรับสมัครทันที (รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://www.bu.ac.th/th/bu-magazine/view/528)
อาจารย์เศรษฐา วีระธรรมานนท์ กล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า การสอบคัดเลือกนี้ก็เพื่อคั้นเอาหัวกะทิป้อนให้แก่วงการภาพยนตร์โดยคณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จะทำหน้าที่เปลี่ยน passion ให้กลายเป็น success ให้แก่คนรักการทำหนัง ไม่ว่านิยาม “ความสำเร็จ” ของผู้นั้นจะหมายถึงชื่อเสียง รายได้ ความก้าวหน้าในวิชาชีพ หรือแม้เพียงแค่ได้ทำในสิ่งที่ตนหลงใหลก็ตาม