สสส. ผนึก กองบิน 5 กองทัพอากาศ-นิด้า จัดกิจกรรม “อ่าวมะนาว ปลอดภัยถูกกฎ ลดเสี่ยง (โควิด เหล้า บุหรี่)” จัดระเบียบชายหาด รณรงค์ปลูกจิตสำนึก นำร่องเขตทหาร ชู อ่าวมะนาว แหล่งท่องเที่ยวเป็นต้นแบบ ช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงก่อโรค NCDs พร้อมเปิดผลวิจัยชี้ เหล้า-บุหรี่ ชนวนหลักทำคนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ที่กองบิน 5 อ่าวมะนาว กองทัพอากาศ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กองบิน 5 อ่าวมะนาว กองทัพอากาศ และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) แถลงข่าวการจัดกิจกรรม “อ่าวมะนาว ปลอดภัยถูกกฎ ลดเสี่ยง (โควิด เหล้า บุหรี่)” ภายใต้โครงการการพัฒนาพื้นที่การท่องเที่ยวเขตทหารต้นแบบเพื่อส่งเสริมการลดปัจจัยเสี่ยงเหล้าบุหรี่
โดย นาวาอากาศเอก ชยศว์ สวรรค์สรรค์ ผู้บังคับการกองบิน 5 กล่าวว่า กองบิน 5 ให้ความสำคัญถึงปัจจัยเสี่ยงอย่างเหล้า บุหรี่ ที่ก่อให้เกิดปัญหาทั้งทางสุขภาพและสังคม โดยเฉพาะในวิกฤตโควิด-19 จึงได้ดำเนินโครงการการพัฒนาพื้นที่การท่องเที่ยวเขตทหารต้นแบบเพื่อส่งเสริมการลดปัจจัยเสี่ยงเหล้าบุหรี่ โดยบุคลากร ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน รองหัวหน้างาน กำลังพล ข้าราชการ รวมถึงครอบครัว จะได้รับการพัฒนาสมรรถนะและความรู้เรื่องการจัดระเบียบพื้นที่ในความดูแลของกองบิน 5 อ่าวมะนาว เป็นพื้นที่การท่องเที่ยวต้นแบบลดปัจจัยเสี่ยงทั้งเหล้าบุหรี่ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ การห้ามจำหน่ายเหล้า บุหรี่ ภายในพื้นที่อาคาร โรงแรมที่พักทั้งหมด ยกเว้นการบริการในมินิบาร์ และพื้นที่เขาล้อมหมวก และจะมีการรณรงค์ห้ามดื่มเหล้า สูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ เช่น ชายหาด สนามกอล์ฟ โดยจะมีการลงพื้นที่ตรวจเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
“กองบิน 5 อ่าวมะนาวกองทัพอากาศ เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ดังนั้น คุณภาพชีวิต สุขภาพของคนในพื้นที่ ต้องปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และปลอดภัยจากโควิด-19 ทั้งนี้ ขอขอบคุณ สสส. และ นิด้า ที่เห็นความสำคัญและร่วมสนับสนุนโครงการนี้ ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรและครอบครัว ในกองบิน 5 ประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว ลดพฤติกรรมการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และหวังว่าอ่าวมะนาวเป็นแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัย” นาวาอากาศเอก ชยศว์ กล่าว
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. มุ่งสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเชิญชวนทุกคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่ “ชีวิตวิถีใหม่” (New Normal) นอกจากการเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อยๆ แล้ว การลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพต่างๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยข้อมูลวิชาการยืนยันว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีประวัติสูบบุหรี่ รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้ามีโอกาสป่วยหนักกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 14 เท่า และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นการทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อในปอดถึง 2.9 เท่า การดำเนินโครงการ “อ่าวมะนาว ปลอดภัยถูกกฎ ลดเสี่ยง (โควิด เหล้า บุหรี่)” จะช่วยกระตุ้นให้คนไทยปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง ร่วมกันรณรงค์ให้เกิดความตระหนัก สร้างจิตสำนึกในการส่งเสริมการลดปัจจัยเสี่ยงเหล้าบุหรี่
ดร.สุปรีดา กล่าวต่อว่า การลดพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากช่วยลดความเสี่ยงของการติดโควิด-19 แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ด้วย ซึ่งไทยมีประชากรที่เสียชีวิตจากโรค NCDs ราวร้อยละ 75 ของอัตราการเสียชีวิตทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่ม ซึ่งโรค NCDs เกิดจาก 4 กลุ่มโรคหลัก ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคปอดเรื้อรัง โดยเฉพาะโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งโรค NCDs มีสาเหตุจากพฤติกรรมเสี่ยง 4 ปัจจัย ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม และไม่ออกกำลังกาย นอกจากนี้ ข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2560 พบว่า ไทยมีประชากร 6.4 ล้านคน มีพฤติกรรมสูบบุหรี่และดื่มสุรา ในจำนวนนี้เป็นผู้สูบบุหรี่เป็นประจำและดื่มสุราอย่างสม่ำเสมอสูงถึง 3.8 ล้านคน ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมเสี่ยงซ้ำซ้อน ซึ่งคนกลุ่มนี้มีโอกาสเสี่ยสูงที่จะป่วยด้วยโรค NCDs และอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นผู้ป่วยติดเตียง ดังนั้น สสส. จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนตั้งเป้าหมาย และลงมือสร้างสุขภาวะที่ดีให้ตัวเองและสังคม ด้วยการเลิกสูบบุหรี่และดื่มเหล้า เพราะพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ นอกจากจะทำลายสุขภาพแล้ว ยังก่อให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจอีกด้วย
ด้าน ผศ.ดร.เกศรา สุกเพชร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภาคบริการและการท่องเที่ยว คณะการจัดการการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในทุกมิติ จากข้อมูลการพยากรณ์ของกสิกรไทย พบว่า คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะติดลบมากกว่าร้อยละ 60 นักท่องเที่ยวไทยอาจหดตัว ร้อยละ 52.3 โดยนักท่องเที่ยวยังมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงผลกระทบจากความเชื่อมั่นต่อการมีงานทำ และกำลังซื้อที่อ่อนแอของประชาชน ซึ่งกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวระดับบน จะเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่ากลุ่มอื่น ดังนั้นการท่องเที่ยวยุคหลังโควิด-19 ต้องให้ความสำคัญทั้งเรื่อง safety & security และเรื่อง Hygiene & Healthy อย่างมาก