“ครูเบล” อดีตเด็กทุน 10 ประเทศ ติว AEIS เตรียมความพร้อมให้เด็กเข้าเรียนโรงเรียนในสิงคโปร์
เด็กไทยที่ต้องการเรียนโรงเรียนรัฐบาลที่ประเทศสิงคโปร์ อันดับแรกต้องเข้าสนามสอบที่เรียกว่า Admissions Exercise for International Students (AEIS) ระบบการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ โดยรัฐบาลประเทศสิงคโปร์ออกข้อสอบเท่านั้น ทำให้ผลคะแนนการสอบ AEIS จึงเป็นเรื่องหลักสำหรับน้องๆ ที่อยากไปเรียนที่ประเทศสิงคโปร์จะต้องเตรียมพร้อมทางด้านวิชาการไม่น้อยกว่า 1 ปี เพื่อให้รู้แนวข้อสอบและวิธีการตอบคำถาม ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมากกับระบบการศึกษาของประเทศไทย
ศุภนุช ชือรัตนกุล หรือ ครูเบล อดีตเด็กทุน 10 ประเทศ มีประสบการณ์การเรียนในประเทศสิงคโปร์กว่า 7 ปี และเป็นครูติวสอบเข้า AEIS ที่ 1 ของการเรียนประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า การที่เด็กไทยไปเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ได้ยากนั้นเป็นเพราะจำนวนที่นั่งที่ให้กับเด็กต่างชาตินั้นมีน้อย แล้วยังเปิดโอกาสให้เด็กๆ จากทั่วโลกมารวมกันแล้วสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกนักเรียนที่ติดอันดับ Top 10 จึงจะมีสิทธิ์ได้เข้าเรียน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การเข้าเรียนที่ประเทศสิงคโปร์นั้นมีความยากยิ่งขึ้น
ถึงแม้จะยาก ก็ยังมีเด็กไทยที่อยากไปเรียน เพราะ 1. มีระบบการศึกษาที่ดี 2. ไม่เน้นการท่องจำ แต่เน้นที่ความเข้าใจ และเน้นการใช้แอปพลิเคชันในการสอนเพื่อให้เด็กเข้าใจและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบระบบการเรียนที่ประเทศสิงคโปร์กับประเทศอื่นๆ แล้ว จะพบว่าประเทศสิงคโปร์มีค่าใช้จ่ายไม่สูง มีความปลอดภัย อยู่ใกล้ประเทศไทย ผู้ปกครองจึงนิยมส่งบุตรหลานไปเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่เด็กๆ
ทว่าจุดอ่อนของเด็กไทย ก็คือ ภาษาอังกฤษ เนื่องจากการสอนภาษาอังกฤษในไทยนั้นถือว่ามีจำนวนชั่วโมงเรียนมาก แต่ไม่ค่อยได้ใช้และไม่กล้าใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน จึงทำให้เด็กลืมง่าย
อีกหนึ่งปัญหาของเด็กไทย คือ การแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่เป็นภาษาอังกฤษยังทำได้ไม่ดี อาจเป็นเพราะเด็กไทยไม่เคยได้เรียนแนว Modeling หรือการวาดรูปออกมาเพื่อแก้โจทย์ กล่าวคือหากอ่านภาษาอังกฤษไม่ได้ก็จะมีปัญหาในการแก้ไขโจทย์ข้อสอบแบบ Modeling เช่นกัน
จากประสบการณ์การศึกษาของเบลที่สิงคโปร์ ตั้งแต่อายุ 11-17 ปี คือแรกเริ่มเข้าตั้งแต่ ป.4 และจบ sec 4 (O-Level) โดยในระดับการศึกษา Sec 1-3 มีผลการเรียนเป็นอันดับ 1 ของชั้นติดต่อกัน 3 ปีซ้อน อยู่ประเทศสิงคโปร์ 7 ปี และได้กลับมาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี Mahidol University International College (MUIC) สาขาวิชาชีววิทยา ที่ประเทศไทย โดยมีผลการเรียนเกียรตินิยมอันดับ 1 ส่วนหนึ่งเพราะมีพื้นฐานการศึกษาจากประเทศสิงคโปร์ นอกจากการเรียนแล้วเบลยังได้ให้ความสำคัญกับงานกิจกรรมซึ่งมีความสนใจด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จึงได้สมัครและรับทุนแลกเปลี่ยนในต่างประเทศถึง 10 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนิเซีย ตุรกี กัมพูชา เวียดนาม และ ไทย
นอกจากนี้ ยังได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปพูดเกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมใน 4 รอบ ด้วยกัน ทั้งที่งานประชุม Japan ASEAN Youth ที่โตเกียว เซนได นาโกย่า และที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น และยังได้ไปพูดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม Ministry of Environment ที่ประเทศสิงคโปร์ด้วย ทั้งยังเป็นเป็นตัวแทนประเทศไทยพาเด็ก 5 คน ไปประเทศตุรกีในงาน 350 Global Power Shift ที่เมืองอิสตันบูล และยังได้ทุนจากธนาคารโลก (World Bank) ไปทำวิจัยที่กัมพูชา เกี่ยวกับ Research on watershed funded by World Bank ที่เมือง Koh Kong อีกด้วย
“ความที่รอบรู้เกี่ยวกับการศึกษาของสิงคโปร์ จึงช่วยสนับสนุนหาข้อมูล โดยเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ปกครอง คอยพูดคุยให้กำลังใจเด็กจนกว่าจะเรียนจบ สำหรับเด็กไทยที่ต้องการไปเรียนที่สิงคโปร์จะต้องมีการเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่น้อยกว่า 1 ปี เพื่อปูทักษะทั้งด้านการเขียน การอ่าน กลุ่มคำศัพท์ เรียนรู้ข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ที่เป็นแบบ Modeling ที่สำคัญเด็กๆ จะต้องมีวินัย ขยัน มีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานของความสำเร็จ” ครูเบล กล่าว