สธ.ยันรับผู้ป่วยต่างชาติรักษา ไม่ใช่ผู้ป่วยโควิด-19 ชี้ เฟสแรกเน้นผู้ป่วยจำเป็นเร่งด่วน มีประวัติรักษากับ รพ.ในไทยอยู่แล้ว ต้องมีใบรับรองแพทย์ใน 72 ชม.ก่อนมาว่าปลอดโควิด เมื่อถึงไทยต้องตรวจเชื้ออีก 3 ครั้ง ในช่วง 14 วันกักตัว รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง
วันนี้ (4 ก.ค.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการเปิดให้ต่างชาติเข้ามารับการรักษาในไทย (Mediacl and Wellness Program) ซึ่งเริ่มระยะแรกวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ในเฟสแรกต้องเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและเป็นผู้ป่วยที่มีประวัติรักษาต่อเนื่องกับสถานพยาบาลในไทยอยู่เดิม แต่ไม่ใช่กรณีเข้ามาเพื่อรักษาโรคโควิด-19 โดยต้องมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าเท่านั้น รับเฉพาะที่เดินทางเข้ามาทางอากาศ จำกัดจำนวนผู้ติดตามไม่เกิน 3 คน หลักเกณฑ์ที่สำคัญ คือ ทั้งผู้ป่วยและผู้ติดตามต้องแสดงใบรับรองแพทย์ยืนยันว่า ไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 ด้วยวิธีการตรวจแบบ RT-PCR ในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางเข้ามา
นพ.ธเรศ กล่าวว่า เมื่อเข้ามาแล้วต้องกักกันตัวในห้อง Isolation ward (ห้องเดี่ยว) ในสถานพยาบาลเดียวกันกับที่รักษา เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน และต้องมีการตรวจด้วยวิธี RT-PCR อีกจำนวน 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อเดินทางมาถึงสถานพยาบาล ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 5-7 และครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 13-14 ของระยะเวลาที่กักกัน ที่สำคัญ ต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลกรณีโรคโควิด-19 ต้องมีเอกสารหลักฐานทางการเงินที่แสดงถึงหลักประกันว่าสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอง และมีเอกสารรับรองหรือใบนัดหมายการรักษากับสถานพยาบาลในไทย
“หากแผนการรักษาเสร็จสิ้นก่อน 14 วัน สถานพยาบาลต้องกักกันตัวผู้ป่วยและผู้ติดตามต่อจนครบ 14 วัน และตรวจยืนยันว่า ไม่มีโรคโควิด-19 จึงจะอนุญาตให้ออกจากสถานพยาบาลได้ และอาจอนุญาตให้กลุ่มดังกล่าวไปในพื้นที่ท่องเที่ยวที่กำหนดได้ ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประเทศ” นพ.ธเรศ กล่าวและว่า ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศไทย ผู้ป่วยและผู้ติดตามต้องดาวน์โหลดระบบติดตามตัว หรือติดตั้งแอปพลิเคชันตามที่ราชการกำหนด เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและติดตามอาการทุกวัน ขอยืนยันว่า ตลอดเวลาระยะการรักษาพยาบาล กลุ่มผู้ป่วยและผู้ติดตามดังกล่าวจะไม่สามารถออกนอกสถานที่กักกันได้ จนกว่าจะมั่นใจกว่าปลอดเชื้อโรคโควิด-19 เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการการป้องกันและควบคุมโรค