ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมผู้บริหารกทม. ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัด ติดตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 รับเปิดเทอม ดาวกระจายกันลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยโรงเรียนในสังกัด
วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น.พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ในวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 และติดตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมี นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้บริหารสำนักเทศกิจ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยม ณ โรงเรียนประชานิเวศน์ และโรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เขตจตุจักร
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานครจึงกำหนดวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครในวันนี้ (1 ก.ค. 63) และด้วยความห่วงใยนักเรียน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งผู้ปกครองที่มาส่งบุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียน กรุงเทพมหานคร จึงได้เตรียมความพร้อมและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดมาตรการหลักในการดูแลความปลอดภัย ดังนี้ 1. คัดกรองนักเรียน ครู บุคลากร และผู้มาติดต่อราชการทุกคน 2. ขอความร่วมมือให้นักเรียน ครู บุคลากร และผู้มาติดต่อราชการทุกคน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในโรงเรียน 3. จัดจุดล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์อย่างเพียงพอ 4. การจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน กำหนดให้เว้นระยะห่าง 5. เน้นทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสต่างๆ ที่ใช้ร่วมกัน 6. ไม่จัดกิจกรรมที่เกิดการรวมกลุ่มของนักเรียน 7. จัดอบรมครูในโรงเรียนให้มีความรู้ด้านดูแลสุขอนามัย 8. มีช่องทางติดต่อผู้ปกครองเพื่อการประสานงานได้อย่างรวดเร็ว และ 9. ขอความร่วมมือกับผู้ปกครองในการป้องกันโรคดังกล่าว สำหรับมาตรการความปลอดภัยในการเดินทางมาโรงเรียนของนักเรียน 1. กรณีนักเรียนเดินทางโดยรถตู้โดยสารรับ-ส่งนักเรียน ให้คนขับรถใส่หน้ากากอนามัยและทำความสะอาดเบาะที่นั่งก่อนรับส่ง-นักเรียนทุกครั้ง 2. กรณีที่ผู้ปกครองมาส่งที่โรงเรียน ต้องจัดพื้นที่สำหรับผู้ปกครองบริเวณหน้าโรงเรียน และมีจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย 3. กรณีนักเรียนเดินทางมาด้วยตนเอง ต้องสวมหน้ากากอนามัย และปฏิบัติดามมาตรการของผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เช่น การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และล้างมือให้สะอาด เมื่อมาถึงโรงเรียนทุกครั้ง ส่วนจุดคัดกรองนักเรียน กำหนดให้มีการตรวจคัดกรองนักเรียนบริเวณทางเข้าโรงเรียน ด้วยการสังเกตอาการในเบื้องต้น หรือใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมทำสัญลักษณ์นักเรียนที่ผ่านการคัดกรอง เช่น ติดสติกเกอร์ ตราปั๊ม หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ล้างมือ เช่น เจลแอลกอฮอล์ บริเวณทางเข้าโรงเรียน และจัดเตรียมสบู่บริเวณอ่างล้างมือ หากพบว่ามีนักเรียนป่วย (มีไข้ ไอ จาม หายใจเหนื่อยหอบ) ให้ครูแยกนักเรียนดังกล่าวออกมา โดยอยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกระหว่างรอผู้ปกครองมารับกลับ หรือแจ้งผู้ปกครองเพื่อพาไปพบแพทย์ หรือส่งต่อเพื่อเข้ารับการตรวจรักษาต่อไป
ด้านการจัดกิจกรรมหน้าเสาธง กรณีโรงเรียนประถมขนาดเล็กและมีพื้นที่กว้าง สามารถจัดนักเรียนเข้าแถวและมีกิจกรรมหน้าเสาธงได้ตามปกติ แต่ต้องมีมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล (Physical Distancing) กรณีโรงเรียนที่มีพื้นที่จำกัด ให้นักเรียนเข้าแถวที่โต๊ะในห้องเรียนหรือเข้าแถวหน้าห้องเรียน นอกจากนี้ให้ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในห้องเรียน โดยกำหนดให้มีการจัดโต๊ะเรียน จำนวนไม่เกิน 20 ตัว และให้เว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะเรียนประมาณ 1-2 เมตร ตามบริบทของสถานศึกษา หากพื้นที่ไม่เพียงพอ อาจใช้ฉากกั้นแทน และทำความสะอาดห้องเรียน โต๊ะเรียน และเก้าอี้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทั้งก่อนเรียน พักกลางวัน และหลังเรียน สำหรับการใช้ห้องน้ำโรงเรียน ให้มีครู หรือเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้นักเรียนสลับกันใช้ห้องน้ำตามความเหมาะสม โดยมีจุดรอคิวและมีการเว้นระยะอย่างชัดเจน และเน้นให้นักเรียนล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำทุกชั่วโมง โดยเน้นวิธีการล้างมือ 7 ขั้นตอนประมาณ 20 วินาที ตามคำแนะนำของกรมอนามัย
ส่วนการรับประทานอาหารของนักเรียนกำหนดดังนี้ 1. โรงเรียนขนาดเล็ก-กลาง ให้รับประทานอาหารที่ห้องเรียนหรือที่โรงอาหาร 2. โรงเรียนขนาดใหญ่ ให้แบ่งสัดส่วน รับประทานอาหารที่ห้องเรียนและโรงอาหาร 3.มีการเหลื่อมเวลาในการพักรับประทานอาหารกลางวัน รอบละ 30 นาที ด้านการจัดโรงอาหารกำหนดดังนี้ 1. โต๊ะทานอาหารจะต้องมีฉากพลาสติกใสกั้น และเว้นระยะนักเรียน (ตามบริบทและความพร้อมของโรงเรียน) 2. แม่ครัว พนักงานล้างจาน ต้องใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือ การปรุงอาหาร ต้องสะอาดและปรุงสุกใหม่ 3. ทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ พื้นโรงอาหารด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และ 4. ตู้น้ำดื่มให้ดำเนินการตามมาตรการของ ศบค. กำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ การจัดสภาพแวดล้อมรอบโรงเรียน ให้สำนักงานเขตประสานขอความร่วมมือร้านค้าบริเวณหน้าโรงเรียนโดยให้กำหนดพื้นที่ขาย ให้เว้นระยะห่างจากหน้าโรงเรียนไม่น้อยกว่า 500 เมตร หรืองดขาย โดยให้เจ้าหน้าที่เทศกิจ อพปร. ร่วมอำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัยในการมารับ-ส่ง นักเรียน ช่วงเช้า-เย็น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันนี้เป็นการตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครในวันเปิดภาคเรียนวันแรก 1 ก.ค.63 ซึ่งเป็นการเลื่อนการเปิดภาคเรียนจากเดือน พ.ค. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยในส่วนของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครนั้น ได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครบทั้ง 437 โรงเรียน เช่น มีจุดคัดกรองอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าโรงเรียน มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือตามจุดต่างๆ อย่างทั่วถึง มีการเว้นระยะห่างระหว่างนักเรียน ให้นักเรียนและบุคลลากรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา สำหรับโรงเรียนประชานิเวศน์ หลังจากได้ไปตรวจเยี่ยมนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1 ซึ่งมี 3 ห้องเรียน มีนักเรียนประมาณ 30 คน ชั้นอนุบาลปีที่ 2-3 มี 3 ห้องเรียน นักเรียนประมาณ 30 คน พบว่า มีการแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มละ 15 คน แล้วแบ่งเวลาเรียนแบบเหลื่อมเวลาสลับวันเรียนเป็น 2 ผลัด คือ ผลัดแรก วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ส่วนอีกผลัดให้มาเรียนในวันอังคารและวันพฤหัสบดี โดยสลับวันเรียนแต่ละผลัดในสัปดาห์ต่อไป เพื่อเป็นไปตามมาตรการลดความแออัดและการเว้นระยะห่างระหว่างกัน ทั้งนี้ โรงเรียนได้จัดทำฉากกั้นระหว่างที่นอนของเด็กแต่ละคน รวมถึงบริเวณโต๊ะอาหารเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากละอองน้ำลาย และการหายใจรดกัน โดยโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 437 โรงเรียนจะปฏิบัติตามแนวทางนี้เหมือนกันทุกโรงเรียน สำหรับภาพรวมในวันนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นวันเปิดเทอมวันแรกแต่ผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรของโรงเรียนก็สามารถบริหารจัดการและปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ขอขอบคุณคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาทุกท่านที่ร่วมกันขับเคลื่อนการปฏิบัติดังกล่าว นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและความปลอดภัยให้กับนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 437 โรงเรียนทุกวัน ตามโครงการ “School Zone...Safety Zone : หน้าโรงเรียนปลอดภัย หนูๆ อุ่นใจกับพี่ๆ เทศกิจ” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เกิดจากความห่วงใยของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ขอให้นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยตามที่กรุงเทพมหานครกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยสวมหน้ากากอนามัยเป็นประจำเมื่อออกนอกบ้าน ล้างมือบ่อยๆทุกครั้งก่อนและหลังทำกิจกรรม เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
สำหรับโรงเรียนประชานิเวศน์ เขตจตุจักร มีนักเรียนจำนวน 1,832 คน เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีห้องเรียนจำนวน 42 ห้องเรียน และบุคลากรจำนวน 105 คน จัดรูปแบบการจัดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ 1/2563 แบบสลับวันมาเรียน ในส่วนของโรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เขตจตุจักร มีนักเรียนจำนวน 1,738 คน จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1- 6 มีห้องเรียนจำนวน 45 ห้องเรียน และบุคลากรจำนวน 122 คน รูปแบบการจัดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ 1/2563 แบบผสมผสานและสลับวันมาเรียน โดยแบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 โครงการ 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) ห้องเรียนสองภาษา (BP) และห้องเรียน EIS ให้มาเรียนแบบปกติ กลุ่มที่ 2 มัธยมศึกษาตอนต้น-ปลาย ให้เรียนแบบสลับวันมาเรียน โดยจัดรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน (Blended Learning) แบบ New Normal @MPN โดยแบ่งนักเรียนในห้องเรียนเป็น 2 กลุ่ม (A, B) กลุ่มละไม่เกิน 25-30 คน สลับวันมาเรียนในรูปแบบ On-site และ Online โดยจัดการเรียนการสอนครบทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ นักเรียนอยู่ที่บ้านเรียนด้วยระบบ Online และทางช่องทางอื่นๆ โดยครูควบคุมการเรียนการสอนผ่านช่องทาง Online มอบหมายแบบฝึกหัด การบ้าน ใบงาน หรือกิจกรรมให้นักเรียนทำที่บ้าน และมีการวัดและประเมินผลแบบออนไลน์และแบบทดสอบจริงโดยพิจารณาผลส่วนหนึ่งจากการประเมินตนเองของนักเรียนและผู้ปกครอง การให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นระยะ รวมถึงการรายงานผลการประเมินให้ผู้ปกครองทราบผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ
ทางด้าน พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นพ.พิชญา นาควัชระ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ เนื่องในวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ณ โรงเรียนวัดบางพลัด (ป.สุวณฺโณ) ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนจำนวน 461 คน และโรงเรียนวัดอาวุธวิกสิตาราม ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนจำนวน 108 คน ในพื้นที่เขตบางพลัด โดยมี คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางพลัด คณะผู้บริหารและอาจารย์โรงเรียนวัดบางพลัด (ป.สุวณฺโณ) และโรงเรียนวัดอาวุธวิกสิตาราม ให้การต้อนรับและนำตรวจเยี่ยมการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โครงการอาหารเช้าและอาหารกลางวันของนักเรียน พื้นที่โรงอาหาร ห้องเรียน และพื้นที่ส่วนรวมของโรงเรียน
โอกาสนี้ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังได้ให้โอวาทแก่นักเรียน และเน้นย้ำให้ผู้บริหารสถานศึกษากำชับอาจารย์และผู้เกี่ยวข้องในการดูแลความสะอาด ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสถานศึกษา พร้อมกล่าวชื่นชมเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขต ตลอดจนคณะผู้บริหารและอาจารย์สถานศึกษา
นายศักดิ์ชัย บุญมา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายสมภาคย์ สุขอนันต์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงธนใต้ ณ โรงเรียนชูสินทองประดิษฐ์อนุสรณ์ โรงเรียนสามัคคีบำรุง และโรงเรียนรางราชพฤกษ์นุชมีอุทิศ ในพื้นที่เขตทุ่งครุ เนื่องในวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โดยมี คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตทุ่งครุ คณะผู้บริหารและอาจารย์โรงเรียนชูสินทองประดิษฐ์อนุสรณ์ โรงเรียนสามัคคีบำรุง และโรงเรียนรางราชพฤกษ์นุชมีอุทิศ ให้การต้อนรับและนำตรวจเยี่ยม
สำหรับโรงเรียนชูสินทองประดิษฐ์อนุสรณ์ เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนจำนวน 633 คน จัดการเรียนการสอนรูปแบบปกติ โรงเรียนสามัคคีบำรุง เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนจำนวน 630 คน จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน โดยนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 2 มาเรียนตามปกติ และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-6 สลับวันเรียน และโรงเรียนรางราชพฤกษ์นุชมีอุทิศ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนจำนวน 104 คน จัดการเรียนการสอนแบบปกติ
นายศักดิ์ชัย บุญมา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวชื่นชมการจัดระเบียบตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของทุกโรงเรียนว่าทำได้อย่างดีเยี่ยมและสมบูรณ์ครบทุกขั้นตอน พร้อมแนะนำเกี่ยวกับการจราจรและสภาพแวดล้อมของโรงเรียน เช่น ท่อระบายน้ำ พื้นไม้ ที่จอดรถ โดยเน้นย้ำให้ฝ่ายโยธาแก้ไขจัดการให้เรียบร้อย และให้ฝ่ายเทศกิจดูแลเรื่องการจราจรด้านหน้าโรงเรียนและการจอดรถ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายแก่ผู้ปกครองและนักเรียน และเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดด้วย
นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ ณ โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ ในพื้นที่เขตบางเขน เนื่องในวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โดยมี คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางเขน คณะผู้บริหารและอาจารย์โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ ให้การต้อนรับและนำตรวจเยี่ยม
สำหรับโรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ มีนักเรียนจำนวน 2,880 คน จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน มีทั้งการมาเรียนตามปกติ และการสลับวันเรียน โดยนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 3 มาเรียนตามปกติ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 สลับวันมาเรียน และเหลื่อมเวลาเรียน กำหนดห้องเรียนละ 20-25 คน และเน้นย้ำการเว้นระยะห่างทางสังคม ส่วนในวันที่นักเรียนไม่ต้องเข้ามาเรียนในโรงเรียน กำหนดให้มีการเรียนรู้แบบ 4 On ได้แก่ On Line On Air On Hand และ On Site ที่เคยได้มีการทดลองเรียนในช่วงปิดภาคเรียนที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้นักเรียนขาดโอกาสในการเรียน และป้องกันปัญหาเวลาในการเรียนไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้กำลังใจเด็กนักเรียนที่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดทั้งวัน ซึ่งอาจทำให้หายใจไม่สะดวก จึงกำชับให้โรงเรียนสังเกตอาการเด็ก และอาจอนุญาตให้เด็กสลับใส่ Face Shield บ้าง แต่ต้องมีการป้องกันอยู่เสมอ มีการเว้นระยะห่างระหว่างกัน และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ พร้อมทั้งชื่นชมการมีส่วนร่วมของคุณครูและผู้ปกครอง ที่ใส่ใจมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีความห่วงใยเกี่ยวกับมลพิษทางเสียง ซึ่งเด็กนักเรียนอาจได้รับผลกระทบ เพราะโรงเรียนติดถนนใหญ่และแนวรถไฟฟ้า พร้อมเน้นย้ำให้สำนักงานเขตดูแลและแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดด้วย
นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายขจิต ชัชวานิชย์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก ณ โรงเรียนลำสาลี (ราษฎร์บำรุง) ในพื้นที่เขตบางกะปิ และโรงเรียนสุเหร่าซีรอ (ราษฎร์สามัคคี) ในพื้นที่เขตสะพานสูง เนื่องในวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โดยมี คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางกะปิ สำนักงานเขตสะพานสูง คณะผู้บริหารและอาจารย์โรงเรียนลำสาลี (ราษฎร์บำรุง) และโรงเรียนสุเหร่าซีรอ (ราษฎร์สามัคคี) ให้การต้อนรับและนำตรวจเยี่ยม
สำหรับโรงเรียนลำสาลี (ราษฎร์บำรุง) เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนจำนวน 531 คน จัดการเรียนการสอนรูปแบบปกติ และ โรงเรียนสุเหร่าซีรอ (ราษฎร์สามัคคี) เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนจำนวน 750 คน จัดการเรียนการสอนรูปแบบปกติ ในการนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กำชับให้โรงเรียนปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งการจัดการด้านจราจร และด้านอาหารของนักเรียน เพื่อให้เกิดความพร้อมและความปลอดภัยแก่เด็กนักเรียนในช่วงเปิดภาคเรียนนี้ หากโรงเรียนขาดเหลืออะไรให้แจ้งกับสำนักการศึกษาหรือสำนักงานเขต ในส่วนของการใส่หน้ากากอนามัยของเด็กเล็ก ขอให้ใช้ดุลยพินิจในการพิจารณา เช่น เวลานอนมีการเว้นระยะห่างอยู่แล้ว อาจจะให้เด็กถอดหน้ากากอนามัย เพื่อให้หายใจสะดวกมากขึ้น และด้านการเรียนการสอน ให้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยนำวีดีโอที่สำนักการศึกษาบันทึกการสอนของครูอาจารย์ที่เก่ง ๆ นำมาสอนนักเรียนต่อไป
นางวิภารัตน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชินทัต มีศุข ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง ณ โรงเรียนสามเสนนอก (ประชาราษฎร์อนุกูล) โรงเรียนวิชูทิศ และโรงเรียนวิชากร ในพื้นที่เขตดินแดง เนื่องในวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โดยมี คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตดินแดง คณะผู้บริหารและอาจารย์โรงเรียนสามเสนนอก (ประชาราษฎร์อนุกูล) โรงเรียนวิชูทิศ และโรงเรียนวิชากร ให้การต้อนรับและนำตรวจเยี่ยม
สำหรับโรงเรียนสามเสนนอก (ประชาราษฎร์อนุกูล) เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ มีนักเรียนจำนวน 3,078 คน จัดการเรียนการสอนแบบสลับวันเรียนในทุกระดับชั้นเรียน โรงเรียนวิชูทิศ เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียนจำนวน 1,682 คน จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน โดยนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 3 มาเรียนตามปกติ นักเรียนห้องเรียนสองภาษา (ไทย-อังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 1 (สายชั้นละ 1 ห้องเรียน) มาเรียนตามปกติ และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 สลับวันเรียน โดยแบ่งนักเรียนเป็นสองกลุ่ม ดังนี้ กลุ่ม A มาเรียนวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ และกลุ่ม B มาเรียนวันอังคาร และวันพฤหัสบดี ซึ่งแต่ละกลุ่มจะสลับวันเรียนในแต่ละสัปดาห์ และโรงเรียนวิชากร เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนจำนวน 1,120 คน จัดการเรียนการสอนแบบสลับวันเรียน โดยจัดนักเรียนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 และประถมศึกษาปีที่ 4-6 มาเรียนวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ และกลุ่มที่ 2 นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1 และประถมศึกษาปีที่ 1-3 มาเรียนอังคาร และวันพฤหัสบดี ทั้งนี้ จากการตรวจเยี่ยมพบว่า ทุกโรงเรียนมีความพร้อมในการเปิดภาคเรียน โดยได้ดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด มีการจัดตั้งจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิก่อนเข้าโรงเรียน ติดตั้งแอลกอฮอล์ล้างมือในบริเวณต่าง ๆ ของโรงเรียน เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน มีการเว้นระยะห่างทางสังคม และได้มีการขอความร่วมมือผู้ปกครองให้ช่วยกันดูแลและสังเกตอาการของบุตรหลาน หากพบมีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีการอาการต้องสงสัยให้แจ้งมายังโรงเรียน เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอาการต่อไป
นางวัลยา วัฒนรัตน์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ ณ โรงเรียนวัดไผ่เงินโชตนาราม และโรงเรียนวัดไทร ในพื้นที่เขตบางคอแหลม เนื่องในวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โดยมี คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางคอแหลม คณะผู้บริหารและอาจารย์โรงเรียนวัดไผ่เงินโชตนาราม และโรงเรียนวัดไทร ให้การต้อนรับและนำตรวจเยี่ยม
สำหรับโรงเรียนวัดไผ่เงินโชตนาราม เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนจำนวน 787 คน จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน โดยนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 1 มาเรียนตามปกติ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 สลับวันเรียน และโรงเรียนวัดไทร เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนจำนวน 606 คน จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน โดยนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 3 มาเรียนตามปกติ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 สลับวันเรียน เป็นวันคู่และวันคี่ ในการนี้ ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เน้นย้ำให้สถานศึกษาเข้มงวดมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และไม่ประมาท พร้อมให้กำลังใจแก่นักเรียนสำหรับการเรียนในวิถีใหม่ New Normal ด้วย