ปลัด วธ.มอบ ศน.ปรับตัวชี้วัด พร้อมปลุกทุกภาคส่วนสร้างสังคมคุณธรรม

ปลัด วธ.มอบ ศน.ปรับตัวชี้วัด พร้อมปลุกทุกภาคส่วนสร้างสังคมคุณธรรม

นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการประชุมพิจารณาทบทวนตัวชี้วัดตามแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559-2564) ซึ่งเป็นแผนแม่บทระดับชาติ โดยให้ทุกหน่วยงานใช้ เป็นกรอบและทิศทางในการ ปฏิบัติการส่งเสริมคุณธรรม โดยนำกลไกประชารัฐมาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อน ทว่า จากการดำเนินงานผ่านมาแล้ว 4 ปี และเหลือเวลาอีก 1 ปี แต่การวัดผลของแผนยังไม่เป็นที่ประจักษ์อย่างแท้จริง จึงมอบให้กรมการศาสนา ในฐานะเลขานุการกลับไปทบทวนตัวชี้วัดการขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมของสังคมไทยทุกระดับ ทั้งบุคคล ชุมชน องค์กร ให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนแม่บทที่วางไว้ 3 ประการ ได้อย่างแท้จริง ได้แก่ 1. ยึดมั่นในหลักธรรมทางศาสนา 2. น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาปฏิบัติ และ 3. ประชาชนต้องรู้รากเหง้ามรดกภูมิปัญญา รวมถึงสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของชาติ

“ประมาณ 3 เดือน ในช่วงโควิด-19 จะเห็นสังคมไทย มีการขับเคลื่อนคุณธรรมในเชิงบวกมากขึ้น เห็นได้ประจักษ์ชัดในด้านจิตอาสา พระราชปณิธาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ทรงสนับสนุนและหล่อหลอมคนไทย สังคมไทย เป็นสังคมแห่งการทำความดี ด้วยการให้ การแบ่งปัน เพื่อผู้อื่น และ สาธารณประโยชน์ อีกทั้งคนไทยยังได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขอ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาใช้ในการดำรงชีวิต มากขึ้น มีการปลูกผักไว้รับประทานเอง เหลือแบ่งปันให้ผู้อื่น รู้จักใช้เงินเก็บออมมากขึ้น ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ในส่วนดีๆ นี้ จะต้องช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้มีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่า สิ่งเร้า ที่ทำให้สังคมเสื่อมลงก็มีอยู่มาก ดังนั้น ในช่วงเวลาตามแผนที่เหลือ อีก 1 ปี หลังจากนี้ จะต้องหาทางขจัดปัญหา ลดวงจรที่นำไปสู่ความเสื่อมของสังคมให้ได้” ปลัด วธ. กล่าว

ด้าน นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า จะกลับไปทบทวนตัวชี้วัดการดำเนินงานตามแผนแม่บท จากเดิมที่มีการขับเคลื่อน โดยใช้หลักคุณธรรม 4 ประการ คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา โดยจะต้องปรับให้เป็นไปตามเป้าหมาย 3 ประการ และให้สามารถวัดผลได้จริงเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ เป็นเรื่องดีที่สังคมไทยวันนี้ เริ่มมีการตรวจสอบกันเองมากขึ้น มีสื่อต่างๆช่วยนำเสนอสิ่งไม่ดีในสังคม แต่สิ่งที่จะต้องร่วมกันทำต่อ คือ ช่วยหามาตรการแก้ปมปัญหาในสังคม ซึ่งจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายมาช่วยอีกทางหนึ่ง ตลอดจนต้องสนับสนุนการสร้างองค์กร หน่วยงานคุณธรรมด้วย