สธ.ชี้ เคส ด.ช. 6 ขวบ ติดโควิดหลังกลับจากแอฟริกาใต้ สะท้อนเด็กติดเชื้อไม่มีอาการ คนในครอบครัวต้องระวังเรื่องเว้นระยะห่าง ระบุ มารดาที่กลับมาพร้อมกัน จะตรวจหาเชื้อรอบ 2 หลังกลับมา 11-13 วัน เผย 18 มิ.ย. ป่วยใหม่สูงสุดมากกว่า 1.5 แสน เหตุหลายประเทศระบาดระลอก 2 ย้ำคนไทยห้ามประมาท การ์ดอย่าตก
วันนี้ (21 มิ.ย.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อํานวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีวันที่ 21 มิ.ย.มีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 ใหม่ เป็นเด็กชายอายุ 6 ขวบ เดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้ พร้อมมารดา ว่า หลังตรวจหาเชื้อตามระบบการเฝ้าระวัง ผลตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ จึงได้นำส่งเข้าระบบรักษาในโรงพยาบาลทันที สำหรับมารดาได้ตรวจหาเชื้อเช่นเดียวกัน แต่ไม่พบเชื้อ และยังคงต้องเข้ารับการกักตัวให้ครบ 14 วัน เพื่อตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ซึ่งจะทำการตรวจในระหว่างวันที่ 11-13 หลังจากที่เข้าพัก เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้ที่เข้ารับการกักตัวปลอดเชื้อจริง และไม่นำเชื้อไปแพร่สู่คนในครอบครัวหรือชุมชน
“เคสนี้สะท้อนให้เห็นว่า การติดเชื้อในเด็ก อาจไม่มีการแสดงอาการป่วยได้ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อในครอบครัว เนื่องจากการเว้นระยะห่างระหว่างเด็กเป็นเรื่องยาก ดังนั้น คนในครอบครัวควรเลี่ยงการแสดงความรักด้วยการกอด จูบ ถ้าในครอบครัวมีผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวด้วยแล้ว กลุ่มนี้หากป่วยจะมีอาการรุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูง” นพ.โสภณกล่าว
นพ.โสภณ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกออกมาแถลงเรียกร้องให้ทุกประเทศและประชาชนทุกคนยังคงต้องระมัดระวังและป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง จากรายงานในหลายประเทศที่มีการกลับมาระบาดระลอกที่ 2 อีกครั้ง พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น โดยในวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวนเพิ่มกว่า 1.5 แสนราย ซึ่งมากที่สุดในวันเดียว ตั้งแต่มีการเริ่มระบาด เกิดจากหลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้น ขอเตือนประชาชนว่า ไม่ควรประมาท หลังจากที่รัฐบาลได้ผ่อนปรนมากขึ้นจนเกือบเข้าสู่สถานการณ์ปกติ เริ่มมีการเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้บริการรถขนส่งสาธารณะ ต้องสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง งดการพูดคุยและรับประทานอาหารบนรถ ล้างมือบ่อยๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการพบปะหรือการชุมนุมกันเป็นกลุ่มก้อน จำกัดเวลาในการอยู่สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง และออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันตนเองและคนรอบข้าง
“ที่สำคัญ เมื่อใช้บริการในสถานที่ต่างๆ ขอให้ลงทะเบียนเข้า-ออกสถานที่ผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ทุกครั้ง สำหรับผู้ประกอบการยังคงต้องเคร่งครัดมาตรการเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อ ต้องทำความสะอาดสถานที่ สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ จัดการพื้นที่เพื่อลดความแออัด เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร จัดระบบคัดกรองผู้เข้ารับบริการ และจุดบริการล้างมือ หากเป็นสถานที่ปิด เช่น ห้องประชุม ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ ต้องเช็กระบบระบายอากาศให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ส่วนผู้ให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยหน้ากากผ้าตลอดเวลา” นพ.โสภณกล่าว