สธ. ชี้ พื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท ทำติดเชื้อได้ไกลมากกว่า 1-2 เมตร เผยเคสรถโดยสารจีน ติดไกลถึง 4.5 เมตร เผยบีทีเอสเตรียมทดลองวิ่งโดยเปิดหน้าต่าง หวังลดเสี่ยงแพร่เชื้อ ย้ำ ร้านอาหารต้องจัดระยะห่าง 2 เมตร มีฉากกั้นละอองฝอยน้ำลาย เตือนจังหวัดปลอดผู้ป่วยโควิด 1 เดือน แต่ยังวางใจไม่ได้ อาจมีผู้ป่วยไม่มีอาการหลงเหลือในชุมชน
วันนี้ (27 พ.ค.) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย ที่กลับจากสหรัฐอเมริกา และตรวจพบโควิด-19 วันสุดท้ายก่อนออกจากสถานกักกันของรัฐ (State Quarantine) ว่า ทั้งสองรายมาถึงวันที่ 12 พ.ค. มีการตรวจครั้งแรกวันที่ 18 พ.ค. ไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 24 พ.ค. ไม่พบเชื้อ และตรวจครั้งที่ 3 วันที่ 26 พ.ค. ก่อนครบระยะกักตัว 14 วัน จึงพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ จึงเป็นการติดเชื้อมาจากต่างประเทศ และไม่มีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลากักตัว ซึ่งการจะดำเนินการใดต้องอาศัยหลักทางวิชาการและความเป็นไปได้ด้วย ไม่ใช่อาศัยหลักคิดไปเอง
“ผู้ป่วยรายใหม่ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ ทำให้ค่อยสบายใจกับสถานการณ์ได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะเฉลิมฉลอง เพราะทางฝ่ายวิชาการยังเชื่อว่า เราจะยังมีผู้ป่วยที่อยู่ในประเทศ อาจจะมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ เลยไม่เข้ารับบริการตรวจ ซึ่งปัจจุบัน สธ.ได้เน้นย้ำการเฝ้าระวัง และการออกไปค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” นพ.ธนรักษ์ กล่าวและว่า แม้จะมี 65 จังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยในรอบ 1 เดือน แต่จังหวัดที่เคยมีรายงานผู้ป่วยจำนวนมากมาก่อน ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะแม้ไม่เจอผู้ป่วยแล้ว แต่มีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหลงเหลืออยู่ในชุมชน โดยเฉพาะ 8-9 จังหวัด ได้แก่ กทม. และปริมณฑล เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคล้ายกับจีนที่ไม่มีรายงานพบผู้ป่วยใหม่มาแล้วระยะหนึ่ง แต่ก็กลับมาพบผู้ป่วยประปราย แสดงว่ายังมีคนอาการน้อยหลงเหลือในชุมชน
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ตัวอย่างผลการสอบสวนโรคในจีน เช่น กรณีรถโดยสารปรับอากาศ เป็นสถานที่อากาศปิด ใช้ระบบปรับอากาศ คนจำนวนมากอยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน พบว่า เชื้อสามารถแพร่ได้ไกลสุดถึง 4.5 เมตร มากกว่าระยะปกติที่อยู่ที่ 1-2 เมตร ผู้ใช้บริการจะต้องใส่หน้ากากป้องกันตลอดเวลา ทั้งนี้ รถไฟฟ้าบีทีเอสมีแผนที่จะเปิดหน้าต่างวิ่งรถ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อด้วย นอกจากนี้ ยังมีกรณีร้านอาหารที่จีน มีการใช้เครื่องปรับอากาศทำให้อากาศหมุนเวียนอยู่ภายในร้าน และส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่หน้ากากป้องกัน แม้เป็นคนที่นั่งห่างจากคนป่วยก็มีโอกาสติดเชื้อได้ ดังนั้น ในร้านอาหารที่อากาศปิดไม่ถ่ายเท จึงต้องจัดให้นั่งห่างกัน 1-2 เมตร ติดฉากกั้นป้องกันไม่ให้ละอองฝอยน้ำลายไปติดคนอื่น
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า สำหรับประเทศสวีเดนนโยบายค่อนข้างเปิด ไม่อยากปิดกิจการเท่าไร จึงปล่อยให้แพร่ระบาด เพราะตั้งใจให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดการณ์ว่าครึ่งหนึ่งประชากรจะติดเชื้อใน พ.ค. และจะยุติแพร่ระบาดได้ ถ้าติดเชื้อร้อยละ 60 ของประชากร ทำให้เมื่อเทียบกับกลุ่มยุโรปเหนือ สวีเดนมีผู้ป่วยค่อนข้างมาก อัตราตายสูงกว่าหลายเท่า แต่เมื่อมีการสำรวจไม่กี่วันที่ผ่านว่า จำนวนผู้ติดเชื้อเป็นไปตามคาดหรือไม่ ปรากฏว่า การติดเชื้อสะสมถึง พ.ค.เพียงแค่ 7% ของประชากรทั้งหมด ไม่ไปเร็วอย่างทางการคิด หลายประเทศที่ใช้มาตรการนี้ก็กังวลจะควบคุมโรคต่อไปอย่างไร
“สอดคลองกับหลายประเทศในยุโรปที่เคยมีการระบาดกว้างขวาง ยอดติดเชื้อสะสมก็ยังไม่ได้สูงมากเหมือนคาดหวังให้จบไวๆ การเปิดให้แพร่ระบาดโรคอย่างอิสระคงไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมของไทย เพราะศักยภาพด้านการแพทย์ จำนวนเตียง แพทย์ต่อประชากร ไม่ได้มีมากมาย เหมือนประเทศร่ำรวยแล้ว การแพร่ระบาดเหมือนไปเร็ว ก็ไม่ได้เร็วอย่างที่คิด” นพ.ธนรักษ์ กล่าว