สธ.ขอ “หมอนวด” ใจเย็น เผยทำแผนเปิดร้านนวดปลอดภัย เสนอนวดเฉพาะช่วงล่าง ต่ำกว่าเอวลงมา หากศูนย์ดำรงธรรมส่งหนังสือร้องเรียนมา จะยื่นแนวทางต่อ ศบค.ทันที ส่วนคลินิกฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เสริมความงาม ส่งรายชื่หมอให้แพทยสภาพิจารณาจรรยาบรรณ
วันนี้ (18 พ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีหมอนวดร้องศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอให้พิจารณาอนุญาตเปิดกิจการนวด บรรเทาความเดือดร้อน หลังต้องปิดกิจการชั่วคราวเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ว่า เรื่องนี้อยู่ที่การพิจารณาของศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) ในส่วน สธ.นั้น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) อยู่ระหว่างวางหลักเกณฑ์การเปิดให้บริการตามหลักความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดี สบส. กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้หารือกับสมาคมผู้ให้บริการนวด และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการ สมาคมสปาไทย ทำหลักเกณฑ์การประเมินว่า ถ้าผ่อนคลายแล้วจะทำอย่างไรให้มีความปลอดภัยและให้บริการได้ เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ซึ่งจะทำเป็นข้อเสนอไป มีการทำการประเมินตนเอง เบื้องต้นที่มีการคุยกันว่า เปิดให้ทำหัตถการตั้งแต่ช่วงต่ำกว่าระดับเอวลงไป เช่น นวดฝ่าเท้า นวดตัวส่วนล่าง การประคบ การสครับผิว และการแรป เป็นต้น ส่วนกรณีหมอนวดไปร้องเรียน คาดว่า น่าจะส่งเรื่องมายัง สบส.เร็วๆ นี้ เมื่อเรื่องมาถึงเราแล้ว ก็จะเอาแนวทางที่ทำไว้นี้ ส่งให้ ศบค.พิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมอนวดออกมาร้อง เพราะมองว่าคลินิกความงามอนุญาตให้เปิดและทำหัตถการต่ำกว่าคอลงมาได้ นพ.ธเรศ กล่าวว่า ศบค.มีการพิจารณาหลายอย่างประกอบกัน ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความจำเป็น กรณีที่ไปร้องเพราะเข้าใจว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับการผ่อนปรนในระยะที่ 2 นี้ อย่างไรก็ตาม เราเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่ถ้าได้รับการผ่อนปรนแล้วอาจจะอนุญาตให้ทำช่วงล่างก่อน ส่วนคอ บ่า ไหล่ อาจจะต้องเว้นไว้ก่อนเพราะใกล้กับบริเวณใบหน้า เท่าที่คุยกับผู้ประกอบการก็มีความพอใจอย่างน้อยก็ช่วยให้กลับมามีกิจกรรมทำงานได้ ให้สามารถดำรงอาชีพไปได้ แม้ต้องใส่หน้ากากทั้งผู้ให้และผู้รับเค้าก็จะไปซักซ้อมก่อน เรื่องนี้ก็ต้องมีการทำความเข้าใจกันต่อไป
นพ.ธเรศ กล่าวว่า สำหรับคลินิกเสริมความงามที่ได้รับการผ่อนปรนระยะที่ 2 สบส.จะมีการส่งทีมออกสุ่มตรวจมาตรฐานและการปฏิบัติตามแนวทางควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ต่อไป ส่วนกรณีคลินิกเสริมความงามย่านวิภาวดี ที่ลักลอบศัลยกรรมช่วงที่ไม่ได้รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ได้ส่งเรื่องให้ผู้ว่าฯ กทม.เอาผิดแล้ว ส่วนความเสียหายที่เกิดกับผู้รับบริการนั้นได้เรียกผู้ประกอบการมาตักเตือน และส่งรายชื่อแพทย์ที่ทำหัตถการไปให้แพทยสภาพิจารณาด้านจรรยาบรรณแพทย์เพราะมีการฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง