ลงทะเบียน “ไทยชนะ” 4,6 หมื่นร้าน คนใช้งาน 2.7 ล้านคน พบเช็กอินเช็กเอาต์ส่วนต่างมากกว่า 8 แสนราย บ่งบอกเช็กอิน แต่ไม่เช็กเอาต์ออก เตือนทำให้รายชื่อยังค้างในสถานที่ในร้าน ทำให้หนาแน่น คนเข้าใช้บริการต่อไม่ได้ เตือนติดคิวอาร์โคดทุกทางเข้าออก ช่วยคนลืมมีที่สแกนหลากหลาย
วันนี้ (18 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงผลการใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ ในการติดตามผู้เข้าออกกิจการต่างๆ ช่วยทราบความหนาแน่น และเพื่อช่วยควบคุมติดตามตัวหากมีการติดเชื้อขึ้นมาในสถานที่ต่างๆ ว่า จากการสรุปยอดเมื่อเวลา 06.00 น. ของวันที่ 18 พ.ค. มีจำนวนร้านค้าลงทะเบียน 46,744 ร้าน จำนวนผู้ใช้งาน 2,725,877 คน ลงทะเบียนมากที่สุด 10 อันดับ คือ
1. กทม. 14,187 ร้าน 2. ชลบุรี 2,819 ร้าน 3. นนทบุรี 2,457 ร้าน 4. สมุทรปราการ 1,934 ร้าน 5. ปทุมธานี 1,686 ร้าน 6. เชียงใหม่ 1,547 ร้าน 7. นครราชสีมา 1,363 ร้าน 8. ภูเก็ต 1,112 ร้าน 9. สุราษฎร์ธานี 983 ร้าน 10. ขอนแก่น 865 ร้าน
ส่วนประเภทกิจการที่ลงทะเบียนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ 1. ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ภัตตาคาร ศูนย์อาหาร 11,353 ร้าน 2. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ 10,599 ร้าน 3. ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกค้าส่ง 8,170 ร้าน 4. การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค 2,814 ร้าน 5. การให้บริการ 2,412 ร้าน 6. ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 2,314 ร้าน 7. สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต 1,942 ร้าน 8. คลินิกเสริมความงาม ร้านเสริมสวย 1,867 ร้าน 9. ธนาคาร 1,479 แห่ง 10. ร้านขายยา 661 ร้าน
ส่วนการเช็กอินเช็กเอาต์ของผู้ใช้บริการ ข้อมูลเวลา 20.00 น. วันที่ 17 พ.ค. พบว่า มีส่วนต่างโดยคนเช็กอิน 2,658,754 คน เช็กเอาต์ 1,845,191 คน ส่วนต่างมากถึง 813,563 คน เพราะถ้าเช็กอินแต่ไม่เช็กเอาต์ชื่อจึงอยู่ในร้านหรือในห้าง คนอื่นก็เข้าไม่ได้ ส่วนต่างเป็นแสนเช่นนี้ แสดงว่า เข้าแล้วลืมเช็กเอาต์ ซึ่งไม่ใช่ลืมอย่างเดียว แต่บางที่เพิ่งทำวันแรก พิมพ์คิวอาร์โคดมาแปะที่เดียว ขาออกก็ต้องเดินมาที่เดียว จึงมาออกันที่เดียวจึงไม่สะดวก เมื่อพิมพ์คิวอาร์โคดแล้วสามารถเอาไปติดได้หลายๆ ประตู มีกี่ประตูเข้าด้านหนึ่งออกด้านหนึ่งได้ เมื่อก่อนบังคับเข้าออกด้านเดียว เพราะยังไม่มีแพลตฟอร์มนี้ แต่ตอนนี้ใช้ระบบนี้แล้วก็มีได้หลายที่ หรือแปะหัวเสาที่จอดรถสำหรับคนลืมก็ทำได้ สำหรับกิจการเล็กๆ ไม่ได้ซื้อระบบเรียกคิวจัดคิว ก็ใช้แพลตฟอร์มนี้มาชวยได้ในการจัดคิว ถือเป็นข้อดี
“ระบบนี้จะใช้เพื่อการควบคุมโรคเท่านั้น ช่วยให้สามารถติดตามกลุ่มเฉพาะที่เกี่ยวข้องในการสอบสวนโรค โดยไม่กระทบกับคนอื่นและร้านค้า และเชื่อว่าถ้าการผ่อนคลายระยะที่ 2 หากเราทำได้ดีจนครบ 14 วันก็จะผ่อนคลายระยะ 3 ที่มีกิจการรออยู่จำนวนมาก ความเสี่ยงสูงต่างๆ เหล่านั้นก็จะเกิดขึ้นได้ เช่น อยากทำความงามที่ใบหน้า การนวดที่ยังไม่เกิดขึ้น หากระยะที่ 2 ทำได้ดี ระยะที่ 3 ได้แน่นอน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว