สธ.ย้ำคลายล็อกเฟสสอง ต้องไม่ทำให้ป่วยโควิดเพิ่ม ชู 3 มาตรการสกัดโรค “สาธารณสุข” เน้นป้องกัน ค้นหาผู้ป่วย รักษา ควบคุม เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง หากเปิดเทอมต้องเฝ้าระวังตรวจครูด้วย “ระดับบุคคล” กลุ่มเสี่ยงไม่ควรออกไปข้างนอก เลี่ยงไปพบปะคนเป็นกลุ่มก้อน สวมหน้ากาก ล้างมือ และ “ระดับองค์กร” ย้ำช่วยกันป้องกันไข้เลือดออก-ไข้หวัดใหญ่ ลดสับสนอาการ
วันนี้ (16 พ.ค.) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การเปิดเมืองโดยความเสี่ยงการแพร่ระบาดต้องไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การผ่อนปรนมาตรการทางสังคมในเฟสสองต้องไม่เพิ่มความเสี่ยงการแพร่ระบาดของประเทศ ต้องอาศัย 3 มาตรการ คือ 1. มาตรการทางสาธารณสุข แบ่งเป็น การป้องกันกลุ่มเปราะบาง แพร่ระบาดสูง อาการรุนแรง แรงงานต่างชาติ พื้นที่แออัด การค้นหาผู้ป่วย เมื่อเจอก็รักษา และการควบคุมป้องกันปัญหา
“การค้นหาผู้ป่วย จะค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก และการค้นหาเฝ้าระวังให้ได้มาตรฐาน โดยตรวจค้นในผู้ป่วยบางกลุ่มที่ค่อนข้างเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยปอดอักเสบ บุคลากรทางการแพทย์อาการน้อย ผู้สูงอายุ โรงเรียนเปิดก็ต้องตรวจในกลุ่มครู ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน ส่วนการเฝ้าระวังอื่นๆ จะช่วยระบุได้ว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติหรือไม่ เช่น ผู้ป่วยทางเดินหายใจเข้ามารับบริการมากขึ้นหรือไม่ จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบเพิ่มขึ้นหรือไม่ จำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตในภาพรวมไม่ว่าสาเหตุใด ทำไมต้องเฝ้าระวัง เพราะเริ่มเจอรายงานคนไข้โควิดอาจมีอาการบางลักษณะแตกต่างออกไป เช่น ทางสมอง หลอดเลือดหัวใจ หรืออาการลิ่มเลือดอุดตัน การดูจำนวนผู้เสียชีวิตภาพรวมให้รู้ว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหรือไม่ เกิดจากเหตุการณ์อะไรได้บ้าง” นพ.ธนรักษ์กล่าว
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า 2. มาตรการระดับบุคคล แม้จะเริ่มเปิดกิจการก็ไม่ใช่ออกไปข้างนอกอย่างอิสระ ดังนั้น กลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัวเรื้อรังก็ไม่ควรออกไปข้างนอก และต้องดูแลให้ดี การออกจากบ้านมีโอกาสนำเชื้อมาให้กลุ่มเสี่ยงภายในบ้าน ออกเท่าที่จำเป็น สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงพบปะคนเป็นกลุ่มก้อน และ 3. มาตรการระดับองค์กร ต้องช่วยจัดระบบเพราะบางอย่างมารตรการระดับบุคคลอาจทำไม่ได้ เช่น ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น แต่องค์กรให้มาทำงานก็ต้องออกจากบ้าน เช่น สนับสนุนให้ทำงานที่บ้านได้ก็อยากให้ทำต่อ เหลื่อมเวลาทำงาน เน้นระบบออนไลน์มากขึ้น ลดพื้นที่แออัดในที่ทำงาน
“ขณะนี้ใกล้ฤดูฝนมี 2 โรคที่จะมา คือ ไข้เลือดออก อาจสับสนได้ว่าคนมีไข้เป็นโรคอะไร ถ้าไข้เลือดออกจะมีไข้เป็นหลักเป็นไข้สูง โควิดจะไข้ มีอาการทางเดินหายใจ ไอ เจ็บคอ ไข้เลือดออกไม่ค่อยมี ตอนนี้ต้องป้องกันไข้เลือดออก เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ฉะนั้น ขอให้ประชาชนช่วยกันป้องกันไข้เลือดออก ลดทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ป้องกันยุงกัด ช่วยให้มีจำนวนผู้ป่วยต่ำที่สุด และโรคไข้หวัดใหญ่ ขอให้กลุ่มเสี่ยงไปรับวัคซีนฟรีเพื่อลดความสับสนในกลุ่มอาการ และย้ำว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ป้องกันไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้ป้องกันโควิด ส่วนข้อกังวลถ้าฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะทำให้มีโอกาสติดเชื้อโรคโควิดง่ายขึ้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้เพื่อช่วยป้องกันโรค และลดความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ได้” นพ.ธนรักษ์ กล่าว