เจอผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 8 ราย จากค้นหาเชิงรุกยะลา 3 ราย และต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายในสะเดา 5 ราย ป่วยสะสม 3,000 ราย ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ 28 วัน เพิ่มเป็น 43 จังหวัด ภาคเหนือปลอดเชื้อนาน 28 วันครบทุกจังหวัด เผย กลุ่มตลาดยังไม่ปฏิบัติตามมาตรการมากสุด 3.2% เผย 5 ข้อตรวจกิจการผ่อนปรนต้องทำตาม แจงเสนอปลดจีน-เกาหลีใต้ ยังมีอีกหลายขั้นตอน ไม่ต้องกังวลคนไม่ได้เข้ามาอย่างอิสระ
วันนี้ (8 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวัน ว่า ขณะนี้ 6 วันแล้วหลังมีการผ่อนปรนกิจการ ซึ่งวันนี้มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 8 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 12 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,000 ราย กลับบ้านรวม 2,784 ราย เสียชีวิตรวม 55 ราย ยังรักษาใน รพ. 161 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ไม่มีการติดจากผู้สัมผัสในคนไทยกันเอง โดยการติดครั้งนี้แบ่งเป็น 1. การค้นหาเชิงรุกและค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน 3 ราย ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเพศชายชายทั้ง 3 ราย ได้แก่ อายุ 45 ปี และอายุ 51 ปี 2 ราย มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ที่กลับมาจากมาเลเซีย และ 2. ศูนย์กักกันผู้ต้องกักคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย อ.สะเดา จ.สงขลา 5 ราย เป็นเพศหญิงทั้งหมด อายุ 19-30 ปี
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ช่วงนี้ไม่มีรายงานผู้ป่วย 28 วัน รวม 43 จังหวัด โดยเพิ่มขึ้น 4 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา นครสวรรค์ พะเยา สุราษฎร์ธานี ส่วนมีผู้ป่วยในช่วง 28 วัน เหลือ 25 จังหวัด ต้องชมภาคเหนือตอนนี้ปลอดเชื้อในช่วง 28 วันทุกจังหวัดแล้ว ส่วนการตรวจหาเชื้อในผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคก็ปรับให้มีอาการน้อยลง เพื่อให้ตรวจเรียกเคสเข้าได้มากขึ้น โดยคนที่สงสัยป่วยโควิด-19 อาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยลำบาก ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ ข้อใดข้อหนึ่งให้มาได้เลย และมีรายงานระดับโลกอย่างจีน อาการแรกแสดงออกคือไม่ได้กลิ่น จึงเพิ่มเงื่อนไขนี้เข้าไปด้วยเพื่อให้รีบเข้ามารักษา โดยอาจมีหรือไม่มีไข้ก็ได้ ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงในช่วง 14 วัน เช่น เดินทางหรืออยู่อาศัยพื้นที่เกิดโรคติดเชื้อโควิด-19 ประกอบอาชีพเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว สถานที่แออัด หรือติดต่อกับคนจำนวนมาก ไปในที่ชุมนุมชน สถานที่มีการรวมกลุ่มของคน เช่น ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาล ขนส่งสาธารณะ สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน และแพทย์สงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ประเด็นน่าสนใจในต่างประเทศ คือ นักวิจัยห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ลอส อลาโมส หนึ่งในห้องปฏิบัติการที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใต้กระทรวงพลังงาน สหรัฐอเมริกา มีข้อกังวลว่า ไวรัสโคโรนา 2019 มีการกลายพันธุ์เป็นพันธุ์ใหม่แพร่ได้ไวขึ้นในสหรัฐฯ ดังนั้น การเร่งพัฒนาวัคซีนอาจจะช้าไป เพราะเรื่องการกลายพันธุ์เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพวัคซีน เนื่องจากส่วนหนึ่งใช้ลำดับพันธุกรรมในการพัฒนา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นนโยบายระดับประเทศ ว่า เราในฐานะประเทศที่มีความก้าวหน้าทางการแพทย์ มีนักวิทยาศาสตร์เก่งจำนวนมาก วช.มีการรวบรวมโครงการทั้งหมดมี 5 โครงการพัฒนาวัคซีนในไทย ทั้งรัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย ถ้าร่วมมือกันได้กับอาเซียน ก็มีโอกาสเป็นหนึ่งในประเทศที่จะได้ใช้วัคซีนแรกๆ ด้วยเช่นกัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การนำคนไทยกลับจากต่างประเทศ วันที่ 8 พ.ค. มีมา 2 เที่ยวบิน คือ อียิปต์ 199 คน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 100 คน วันที่ 9 พ.ค. มาจากเวียดนาม 35 คน ญี่ปุ่น 2 เที่ยวบิน 177 คน และ 35 คน และเนเธอร์แลนด์ 50 คน ส่วนวันที่ 10 พ.ค. มาจากไต้หวัน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น วันที่ 11 พ.ค. มาจากอินเดีย ญี่ปุ่น วันที่ 12 พ.ค. มาจากสหรัฐอเมริกา และรัสเซีย และวันที่ 13 พ.ค.มาจาก ฟิลิปปินส์ อินเดีย สำหรับการผ่านแดนทางบกเมื่อวานลงทะเบียนไว้ 386 คน เดินทางเข้า 368 คน โดยกลับมาจากมาเลเซียมากสุด 348 คน ลาว 9 คน กัมพูชา 9 คน และเมียนมา 2 คน ส่วนการกักตัวในสถานที่กักตัวของรัฐ ขณะนี้ยอดกักตัวรวม 14,372 คน กลับบ้านแล้ว 5,080 คน ตรวจพบเชื้อ 87 คน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การตรวจกิจการที่ผ่อนปรนวันที่ 7 พ.ค. ตรวจทั้งหมด 15,414 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค 14,993 แห่ง ไม่ปฏิบัติตาม 421 แห่ง คิดเป็น 2.73% ถือว่าแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบเป็นรายวันที่ผ่านมา สำหรับการตรวจกิจการจะตรวจจากมาตรการหลัก 5 ข้อ คือ 1. ตรวจวัดไข้ แยกผู้ป่วยหรือไม่ 2. สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า หรือไม่ 3. เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร หรือไม่ 4.จัดจุดล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ หรือไม่ และ 5. งดกิจกรรมรวมตัวหมู่มาก หรือไม่ ส่วนกิจการที่ไม่ปฏิบัติตามมากนั้น คือ ตลาด ร้านค้าปลีก ไม่ปฏิบัติตามถึง 3.2% ตามด้วย ร้านอาหารและเครื่องดื่มไม่ปฏิบัติตาม 2.8% ซูเปอร์มาร์เก็ตในห้าง 2.7% ร้านเสริมสวย 2.5% สนามกีฬา 1.9% สวนสาธารณะ 1.3% สนามกอล์ฟและร้านสัตว์เลี้ยงเท่ากัน 0.9%
เมื่อถามถึงการเสนอถอนจีนและเกาหลีใต้ออกจากประเทศเขตติดโรคโควิด-19 หากคนเดินทางเข้ามาจะเพิ่มความเสี่ยงหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การเสนอยังไม่เสร็จสิ้น เป็นข้อเสนอใน ศบค.เมื่อวาน จะต้องมีขั้นตอนปรึกษาหารือ และเอาเข้าที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติในการเอารายชื่อเข้าหรือออก ส่วนคนที่จะเข้ามาในไทยโดยเฉพาะคนจีนเกี่ยวข้องกับโรคติดต่อทั้งหลาย ยังไม่ต้องกังวล เรายังมีมาตรการต่างๆ เหมือนเดิม เช่น การจำกัดเที่ยวบิน ยังไม่ให้เที่ยวบินโดยสารทั่วไปเข้ามา และยังมีการทำเรื่องฟิตทูฟลาย การออกใบรับรองแพทย์ และเมื่อเข้ามาตอนนี้ต้องถูกกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ ก็ยังไม่เหมาะสมที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา เมื่อเจอ 3 ข้อนี้ ก็ต้องคิดหนัก ยังไม่ได้เป็นการเดินทางอย่างเสรี
ถามต่อว่า อนาคตหากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าปลอดภัย นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในระยะยาวเราพยายามกลับไปเหมือนเดิม เราดูแลคนไทยอย่างไร ก็เชื่อว่า น่าจะดูแลต่างชาติอย่างนั้นเหมือนเดิม อย่างคนจีนป่วยรายแรกเราก็ดูแลรักษาจนหายกลับไป เรามีการแพทย์ที่ดีทำให้เกิดความมั่นใจ เชื่อว่า เรื่องต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิดความมั่นใจการเดินทางระหว่างประเทศ หากเราเปิดประเทศ