สธ.เตือนผ่อนปรน 6 กิจการ ต้องร่วมมือกันป้องกันโรค อย่าให้เกิดระบาดระลอก 2 แบบ “สิงคโปร์-ญี่ปุ่น” เผยคุมเชื้อนำเข้าจากต่างประเทศได้ เหลือแต่การจัดการในประเทศ
วันนี้ (5 พ.ค.) นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า หลังผ่อนปรนมา 3 วันก็ยังมีข้อห่วงใย คือ การเดินทางออกต่างจังหวัดช่วงหยุดยาว หรือการออกจากภูเก็ตไปยังภูมิลำเนาตัวเอง การแย่งกันซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังงดการขายมาเป็นเวลา 1 เดือน แต่สิ่งที่น่าชื่นชม คือ 6 กิจการที่รับการผ่อนปรน เช่น ร้านตัดผม ร้านอาหาร มีการจัดเตรียมตัวเพื่อเปิดกิจการอย่างน่าชื่นชม การทำความสะอาด การวางเจลแอลกอฮอล์ การใส่หน้ากากอนามัย ใส่เฟซชิลด์ การทำฉากกั้นที่นั่งร้านอาหาร ขอให้ทุกคนการ์ดไม่ตก ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง จะทำให้ไม่เกิดการระบาดโควิด-19 ในรอบที่ 2 เหมือนอย่างสิงคโปร์ หรือญี่ปุ่น
เมื่อถามถึงสัญญาณการระบาดระลอก 2 นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า สิ่งที่บ่งบอกนอกจากจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น ก็คือการเพิ่มลักษณะเป็นหย่อมๆ หรือวงจำกัด มีรายใหม่เป็นกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ อย่างไรก็ตาม ถ้าการ์ดเราไม่ตก ระบบเฝ้าระวัง คัดกรอง ระบบการสอบสวนโรค เราทำงานทันเวลา เอาผู้สัมผัสใกล้ชิดมาตรวจโดยเร็ว ขณะนี้เรามีห้องปฏิบัติการตรวจ RT-PCR เกือบทั่วประเทศไทย 150 กว่าแห่ง ซึ่งขณะนี้เรื่องเชื้อนำเข้าจากต่างประเทศเราคุมได้ จากการมีสถานที่กักกันของรัฐ หรือศูนย์กักกัน เหลือคนในประเทศจัดการโดยเร็วก็ปลอดภัยสูงมาก การเกิดระบาดระลอกถัดมาก็จะลดลง
เมื่อถามถึงการใส่หน้ากากวิ่งออกกำลังกายอันตรายหรือไม่ นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า การใส่ก็คงรู้สึกอึดอัดและไม่สะดวก แต่สวนสาธารณะที่เปิด หรือสถานที่ออกกำลังกาย ต้องมีมาตรการอื่นเสริม คือ ตรวจวัดไข้ก่อนเข้า โดยคนป่วยไม่ควรมาออกกำลังกาย และไม่ให้คนออกกำลังกายเข้ามาหนาแน่นเกินไป มีการรวมกลุ่มของคนมากเกินไป มีการวางเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ถ้าทำตรงนี้ก็เริ่มมีความปลอดภัยสูง ส่วนระหว่างวิ่งขณะที่ยังไม่มั่นใจ เราก็ยังใส่หน้ากากอนามัยวิ่งได้ แต่ช่วงไม่มีคนแล้ว อยู่ห่างไกลกันแล้ว เราสามารถถอดหน้ากากชั่วคราวได้ ขึ้นกับจังหวะที่ไปมีปฏิสัมพันธ์คนอื่น
ถามถึงกรณีรถไฟฟ้าขัดข้อง และคนแน่นเต็มสถานี นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้การจัดบริการส่วนหนึ่งทำความสะอาดบ่อยมาก ผู้ใช้บริการใส่หน้ากาก แต่ภาพที่ออกมาขณะนี้คนแน่นเกินไปก็น่าจะไม่เหมาะสม บทเรียนพวกนี้เราอย่าเพิ่งตำหนิติเตียน เราทุกคนกำลังปรับตัวกับสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ต่อไปนี้ เมื่อทุกอย่างเข้าสู่ระบบดีแล้ว การเว้นระยะห่าง จะได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้องมากขึ้น ภาพที่เห็นวันนี้อาจน้อยลงจนไม่เห็นเลย คงเป็นคำแนะนำที่กระทรวงมีต่อขนส่งมวลชนให้จัดสิ่งแวดล้อม จัดสภาพลดแออัดให้ดีที่สุด