“เป็นแฟนกับฉันกฏข้อแรกก็คือห้ามทิ้ง...” ท่อนฮุคที่หลายคนต้องเคยผ่านหูกับเพลง “ห้ามทิ้ง” ของสาวร่างเล็กเสียงดี “อะตอม-กฤชกนก สวยสด” ศิลปินค่าย GMM Grammy ในขณะนั้น หรือที่รู้จักกันในวงการเพลงคือ อะตอม ไมค์ไอดอล นั่นเอง
วันนี้ “อะตอม” กลับมาอีกครั้งในฐานะศิลปินอิสระ ล่าสุดเธอกำลังมีผลงานเพลงกับเพื่อนๆ วงโมเลกุล และภาพยนตร์เรื่อง ร่างซ่อนแอบ นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของธุรกิจโรงเรียนสอนร้องเพลง WeShine by ATOM
จากจุดเริ่มต้นจากการบอกปากต่อปาก และการสั่งสมประสบการณ์จากเวทีประกวดตามหาฝันของตัวเองที่อยากเป็นนักร้องเพื่อถ่ายทอดกับเด็กรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการร้องเพลงจากรุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งโรงเรียนสอนร้องเพลงแห่งนี้เปิดสอนมากว่า 10 ปีแล้ว
กว่าจะเป็น “คุณครูพี่อะตอม” We Shine by ATOM มีจุดเริ่มต้นจากช่วงที่อะตอมกำลังเรียนม.ปลาย ก็จะมีน้องๆ 2 คนที่เป็นลูกสาวของเพื่อนคุณแม่ชอบร้องเพลง แต่ยังรู้สึกว่าร้องเพลงไม่ถูกต้อง และยังไม่รู้จะไปเรียนที่ไหนดี ซึ่งขณะนั้นอะตอมยังไม่ได้เปิดโรงเรียนก็มีคนแนะนำว่าอะตอมร้องเพลงได้และประกวดบ่อย จึงแนะนำให้น้องมาเริ่มเรียนจากเราก่อน หลังจากเรียนแล้วมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ไปประกวดในโรงเรียนแล้วได้รางวัลจาก 2 คนเลยกลายเป็น 5-6 คน และค่อยๆ มากขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้ผันตัวจากนักเรียน ม.ปลาย เข้าสู่การทำงาน เรียนด้วยประกวดไปด้วยและเป็นคุณครูไปด้วยควบคู่กันไป ถึงปัจจุบันมีลูกศิษย์ที่หลากหลายตั้งแต่ 4 ขวบจนถึงอายุ 48 เลยทีเดียว
อะตอม เล่าว่า จุดเด่นของโรงเรียนสอนดนตรีแห่งนี้ บรรยากาศของเราจะแตกต่างจากที่อื่นซึ่งเป็นโรงเรียนในบ้านที่มีความอบอุ่น ผู้ปกครองและนักเรียนมีแอคติวิตี้ร่วมกัน เป็นบรรยากาศน่ารักๆ น้องๆ บางคนเรียนกับอะตอมตั้งแต่อยู่ ม.3 จนปัจจุบันเรียนมหาวิทยาลัย ปี 3 ซึ่งเป็นการเรียนที่ยาวนานมากเลยทำให้เรารู้สึกว่าโรงเรียนของเราสามารถสร้างความผูกพันระหว่างคุณครูกับนักเรียนได้เป็นอย่างดี จึงคิดว่าจุดเด่นที่เป็นความแตกต่างน่าจะอยู่ที่ความอบอุ่นภายในสถาบัน และการพยายามหาแบบฝึกหัด หาเวทีให้น้องประกวดเป็นแรงดึงดูดที่เขาจะได้ไปบอกต่อว่ามาที่นี่แล้วเรามีรายการให้ออก มีเวทีให้เขาได้ไปแสดงความสามารถ
แม้ว่าที่ผ่านมาระหว่างทางในการทำธุรกิจอาจจะมีปัญหาและอุปสรรคบ้าง แต่อะตอมก็สามารถก้าวผ่านสิ่งเหล่านั้นมาได้อย่างราบรื่น “สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่เจอจากธุรกิจร้องเพลงจริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจเป็นหลักเลย จะมีช่วงที่พีคมากคือช่วงประมาณปีที่ 3 ถึงปีที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงที่นักเรียนเยอะมากๆ ประมาณร้อยกว่าคนในบ้านหลังหนึ่งจนเราไม่สามารถสอนปกติได้ จึงต้องรับคุณครูมาเพิ่ม ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเรียนแล้วไม่คลิกกัน เราจึงต้องโคลนนิ่งบุคลิกภาพการคุยกับนักเรียนได้แบบเรา นอกจากนี้จะมีในเรื่องของเศรษฐกิจซึ่งอะตอมก็ได้นำความรู้จากที่เรียนมาปรับใช้ในชีวิตการทำงานจริง”
จากคนดนตรีสู่ผู้ประกอบการ อะตอมจบปริญญาโท หลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิต สาขาวิชาการเป็นผู้ประกอบการจากมหาวิทยาลัยรังสิต“ตอนที่เราจบ ป.ตรี ก็คิดไว้ว่าอยากจะเรียนต่อโททันที เพราะว่าเราจะยังมีไฟอยู่ ก็ตอบโจทย์ตัวเองตรงที่เริ่มมีธุรกิจเล็กๆ แล้ว คือโรงเรียนสอนร้องเพลง เรามีแนวคิดว่าจะขยายต่อไปอีกไหม จะทำอย่างไรให้ธุรกิจของเราหรือแบรนด์ของเรามีการบอกต่อ ทำอย่างไรให้ยืนอยู่บนธุรกิจนี้ได้อย่างมั่นคง ก็เลยเลือกเรียนสาขาการเป็นผู้ประกอบการ หลังจากเรียนมาก็นำมาใช้ได้จริงๆ เพราะอย่างอุปสรรคที่เราเจอเรื่องเศรษฐกิจต่างๆ คือวิชาการร้องเพลงไม่ใช่วิชาหลักเหมือนวิชาการ เราก็จะต้องหาจุดเด่นของโรงเรียนเรามาเป็นจุดเชื่อมโยงให้ธุรกิจเรามีความโดดเด่นกว่าธุรกิจอื่นๆ “ในอนาคตอาจจะขยายโรงเรียนอีกสาขาหนึ่งที่เป็นรูปแบบตึกหรืออาคาร ให้สามารถเป็นโรงเรียนที่สามารถสอนได้ทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแสดง สอนเต้น สอนกีตาร์ สอนดีเจ สอนดนตรี แต่จะยังคงความรู้สึกของการเป็นบ้านที่มีความอบอุ่นไว้และก็ตั้งความฝันไว้ว่าอาจจะย้ายเข้าไปใกล้เมืองขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นก็อยากจะมีร้านอาหารสักร้านหนึ่ง จะนำความรู้จากที่ได้เรียนมาในสาขาวิชาการเป็นผู้ประกอบการมาใช้ด้วยค่ะ” ส่วนใครที่ชื่นชอบเรียนร้องเพลง การเต้น การแสดง ฯลฯ ก็สามารถติดต่อมาได้ที่ Weshine by ATOM ค่ะ