โดย...นพ.ชาติทนง ยอดวุฒิ อายุรแพทย์หัวใจ รพ.หัวใจกรุงเทพ
โรคเดียวที่พูดถึงกันไปทั่วโลกในขณะนี้ หนีไม่พ้นเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเกิดจากเชื้อ SARS Coronavirus-2 มาตั้งแต่ปลายปี 2562 โดยหนึ่งในอาการของการติดเชื้อโควิด-19 คือ เหนื่อยหอบแน่นหน้าอก ซึ่งใกล้เคียงกับอาการของโรคหัวใจบางประเภท เรามาดูวิธีสังเกตอาการว่าจะแยกออกจากโรคหัวใจได้อย่างไร
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอาการของการติดเชื้อโควิด-19 คือ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยจะมีอาการที่ทางเดินหายใจส่วนบนเป็นอันดับแรก เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ร่วมกับอาการไข้จนถึงไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัวปวดตามข้อ หลังจากนั้น อาการจะมีการเปลี่ยนแปลงและลุกลามไปจนถึงการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง คือ ปอด จุดนี้ที่จะทำให้คนไข้เริ่มมีอาการเหนื่อย เกิดภาวะเมตาบอลิซึมสูง ร่วมกับการติดเชื้อในปอด ทำให้ออกซิเจนในเลือดลดต่ำลง คนไข้จะหายใจหอบเหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว ซึ่งจะมีความแตกต่างจากอาการเจ็บหน้าอกจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ คือ อาการเริ่มต้นจะไม่มีอาการของไข้หวัดมาก่อน โดยมากอาการเจ็บหน้าอกจากเส้นเลือดตีบจะสัมพันธ์โดยตรงกับการออกแรงและออกกำลังกาย
ขณะที่อาการเหนื่อยจากภาวะหัวใจล้มเหลว หรือน้ำท่วมปอดนั้น หากเกิดขึ้นจากภาวะน้ำเกินจะไม่มีอาการเป็นไข้หวัดนำมาก่อน หรือร่วมด้วย แต่ลักษณะอาการของโรคหัวใจล้มเหลว หรือน้ำท่วมปอดนั้นจะเป็นตอนขณะที่นอนราบและอาการจะมากขึ้นจนถึงนอนราบไม่ได้นอนลงไปแล้วจะมีอาการไอ ต้องนอนหมอนสูงหลายใบ และหนักสุดคือนั่งหลับ เพราะนอนราบไม่ได้ สิ่งสำคัญที่ควรระวัง คือ คนที่เป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว หากติดเชื้อโควิด-19 จะไปกระตุ้นให้อาการของโรคหัวใจกำเริบจนแยกอาการได้ค่อนข้างยาก
ผู้ป่วยโรคหัวใจหากติดเชื้อโควิด-19 อาการจะรุนแรง มีอัตราการเสียชีวิตได้สูงกว่าคนทั่วไป ทั้งนี้ ความรุนแรงของอาการ หากติดเชื้อไม่ได้เฉพาะในคนที่เป็นโรคหัวใจเท่านั้น แต่ในกลุ่มดังต่อไปนี้ ได้แก่ อายุมากกว่า 65 ปี มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคปอดเรื้อรังเดิม โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคไต โรคตับแข็ง และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องอยู่เดิมล้วนแต่เป็นภาวะที่จะทำให้การติดเชื้อโควิด-19 รุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูงได้ ดังนั้น ผู้ป่วยควรมีความระมัดระวังอย่างยิ่งในการดูแลตัวเองไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่รักษาโรคได้โดยตรง การดูแลตัวเองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
คนที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว จะมีอาการแสดงมากขึ้น หลังจากติดเชื้อโควิด คือ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง หรือล้มเหลวถ้าได้รับเชื้อเข้าไปจะทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเมตาบอลิซึมสูงขึ้น จนกระทั่งกระตุ้นให้โรคหัวใจล้มเหลวกำเริบติดเชื้อโควิดรุนแรงจนทำให้ไตวายและไตไม่สามารถขับน้ำออกจากร่างกายได้จนเป็นเหตุให้น้ำท่วมปอด ซึ่งทั้งสองภาวะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุต้นๆ ที่ทำให้เสียชีวิต หรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนานและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมามากมาย
คำแนะนำที่ดีที่สุดและได้ผลที่สุดสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจควรปฏิบัติ คือ Social distancing ห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 2 เมตร ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาดสม่ำเสมอ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือกินร้อน ใช้ช้อนของเราไม่ปนกับใคร แยกของใช้ และไม่ไปในแหล่งระบาดแหล่งชุมชน มีประกาศไม่ให้ผู้สูงอายุออกจากบ้านที่สำคัญ คือ ลูกหลานต้องไม่เอาเชื้อจากนอกบ้านไปติดผู้สูงอายุในบ้าน
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและมีอาการ หรือจำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาหรือติดตามอาการในช่วงนี้ ควรจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มีการตรวจคัดกรองโรคสวมหน้ากากอนามัย ไม่ควรจะไม่มาพบแพทย์หรือเลี่ยงไม่มาปรึกษาแพทย์ ถ้าอาการยังไม่สงบและยังมีอาการอยู่ และที่สำคัญที่สุดไม่ควรขาดยา ถ้ามาโรงพยาบาลไม่ได้ควรเตรียมยาให้พอดี หรือใช้วิธีปรึกษาแพทย์ผ่านช่องทางอื่น เช่น การปรึกษาแพทย์ออนไลน์ หรือโทรศัพท์ปรึกษาแพทย์ผ่านอุ่นใจสายด่วนของโรงพยาบาลกรุงเทพเป็นต้น
สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจหากเกิดการติดเชื้อโควิด-19 อาจต้องสังเกตอาการของตนเองอย่างดี ตั้งแต่เริ่มต้น เช่น อาการที่คล้ายหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหลไอเจ็บคอร่วมกับอาการไข้จนถึงไข้สูงหนาวสั่นปวดเมื่อยตามตัวปวดหัวปวดตามข้อควรจะต้องรีบติดต่อสถานพยาบาลและเตรียมพร้อมที่จะมาตรวจเพื่อรักษาอาการตั้งแต่เริ่มต้น
หากปล่อยไว้นานอาจเป็นอันตรายได้ ในห้วงเวลาของการระบาดเชื้อโควิด-19 โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ขอดูแลทุกคนด้วยความห่วงใย ภายใต้คุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล