ไทยเตรียมเข้าร่วมทดสอบ “วัคซีนโควิด” กับจีน คาด 3-4 เดือน นำเข้ามาทดลองวัดประสิทธิภาพได้ พร้อมเตรียมโครงสร้างพื้นฐานรองรับถ่ายทอดเทคโนโลยี หากจีนพัฒนาวัคซีนสำเร็จ หรือหากต้องบรรจุวัคซีนเอง
วันนี้ (22 เม.ย.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีไทยจะเข้าร่วมวิจัยทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนโควิดในคนกับจีน ซึ่งจีนกำลังเข้าสู่การทดสอบระยะที่ 2 ว่า การพัฒนาวัคซีนของจีนมีความก้าวหน้าถึงขั้นมาทดสอบในคนแล้ว ซึ่งมีวัคซีนจากหลายบริษัท โดยการทดสอบในระยะที่ 1 คาดว่า ทดลองในคนประมาณ 100 คน ระยะที่ 2 ประมาณ 1,000 คน และระยะที่ 3 ประมาณ 10,000 คน ซึ่งสถาบันวัคซีนแห่งชาติของไทย ได้มีการเข้าร่วมทดสอบวัคซีนในคนกับจีน โดยไทยพร้อมเข้าร่วมการทดสอบทุกระยะ อย่างไรก็ตาม การที่ไทยไปร่วมกับจีน ดังนั้น เมื่อจีนสามารถผลิตวัคซีนได้ ไทยก็จะเป็นประเทศแรกๆ ที่จะสามารถเข้าถึงวัคซีน ส่วนจะเข้าถึงได้มากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ปริมาณการผลิตของจีน
“คาดว่า น่าจะสามารถนำวัคซีนมาทดลองในไทยได้ภายใน 3-4 เดือน ซึ่งการฉีดวัคซีนจะใช้ 2 มิติ คือ 1. ลดการเสียชีวิต โดยจะฉีดในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก เป็นต้น และ 2. ลดการเจ็บป่วย จะฉีดในกลุ่มวัยทำงาน กลุ่มเมือง ที่พบว่า มีการติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งหากฉีดในกลุ่มนี้จะช่วยลดโอกาสการแพร่โรค อย่างไรก็ตาม การจะฉีดในกลุ่มไหนต้องมีการประเมินอีกครั้ง ส่วนความต้องการวัคซีน ตามหลักแล้วจะต้องฉีดให้ได้มากกว่า 60% แต่หากมีวัคซีนเหลือจำนวนมากก็จะฉีดให้ได้ 90% ขึ้นไป” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาวัคซีนของไทยเริ่มดำเนินการบ้างแล้ว มีการเตรียมพร้อม ทั้งคน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เมื่อจีนสามารถผลิตวัคซีนได้ ไทยก็จะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือหากมีการให้วัคซีนมาบรรจุเอง เราก็จะได้เตรียมความพร้อม เช่น โรงงานที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่เป็นการร่วมทุนขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) และเอกชน หรือหากจีนจะถ่ายทอดกระบวนการเบื้องต้นไทยจึงต้องเตรียมพร้อมไว้ด้วย