“อนุทิน” ชี้ แนวโน้มโควิดในไทยดีขึ้น เผยหน้ากากอนามัย และ N95 เพียงพอ แต่ชุดป้องกัน PPE ยังขาดแคลน มอบ อภ.สั่งซื้อกับผู้ผลิตโดยตรง ส่วนที่มีอยู่จะบริหารจัดการให้พอ ด้านคณบดีศิริราช บอกยังวางใจสถานการณ์ไม่ได้ ต้องรอวิเคราะห์ตัวเลขผู้ป่วย คาด 30 เม.ย.จะชัดเจน ขอ ปชช.เข้มมาตรการป้องกันโรค ไม่ให้เป็นแบบญี่ปุ่น-สิงคโปร์
วันนี้ (17 เม.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุข ครั้งที่ 1/2563 โดยมีเครือข่ายสาธารณสุข ทั้งคณะแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) เข้าร่วม
นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการประชุม ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้น จำนวนผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านแล้วมีมากกว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ เป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมกับการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะนี้ อุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ทั้งหน้ากากอนามัย และหน้ากาก N95 มีเพียงพอแล้ว แต่ที่ยังไม่เพียงพอ คือ ชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) จึงได้เน้นย้ำให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เจรจาสั่งซื้อกับตัวแทนผู้ผลิตโดยตรง เพราะที่ผ่านมา ในการซื้อสั่งชุด PPE กับบริษัทผู้ผลิต เจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง เพราะเขาเองมีปัญหาการระบาดเหมือนกัน ในขณะที่การสั่งซื้อออนไลน์ พบว่า ได้สินค้าไม่ได้มาตรฐานไม่กล้านำมาให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ อย่างไรก็ตาม ที่มีอยู่นั้นจะบริหารจัดการอย่างคุ้มค่า ส่วนเรื่องสวัสดิการให้แพทย์และบุคลากรทางแพทย์ ได้มีการจัดสวัสดิการนอกเหนือจากกรรมธรรม์ประกันภัย ค่าตอบแทน ยังหารือกับธนาคารเพื่อลดหย่อนหนี้สินให้กับบุคลากรแพทย์ทุกระดับ
ด้าน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ลดลง แต่ยังวางใจไม่ได้ ต้องรอวิเคราะห์ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ ผู้ป่วยอาการหนัก อัตราการเพิ่มของผู้ป่วยเร็วหรือช้า และเฝ้าระวังตามระยะฟักตัว 14 วัน ดังนั้น คาดว่า ประมาณ วันที่ 30 เม.ย.จึงจะสามารถมองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น ดังนั้น ขอประชาชนทำตามมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากาก เพื่อไม่ให้ไทยเป็นเหมือนญี่ปุ่นและสิงคโปร์