xs
xsm
sm
md
lg

ชะลอเข้าไทย ให้ลงทะเบียนสถานทูต ติดตาม 14 วัน ก่อนเดินทาง หลังยอดติดเชื้อไม่ลด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.แจงมาตรการชะลอคนเข้าประเทศไทยถึง 15 เม.ย. ทั้งคนไทยและต่างชาติ จะให้ลงทะเบียนกับสถานทูต เพื่อติดตามอาการให้ครบ 14 วัน ถึงเดินทางได้ ก่อนขึ้นเครื่องต้องวัดไข้

วันนี้ (2 เม.ย.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 104 ราย ว่า เมื่อมีผู้ป่วยโควิด-19 หากมีอาการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดอย่างดี ทำให้สามารถติดตามอาการได้ต่อเนื่องทุกวัน หากป่วยไข้ มีอาการทางเดินหายใจก็ตรวจวินิจฉัยรวดเร็ว ซึ่งจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ 104 ราย เป็นกลุ่มที่สัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้าถึง 41 ราย สะท้อนว่า เรามีระบบเฝ้าระวังเข้มแข็ง ประชาชนร่วมมืออย่างดีในการติดตาม  ส่วนกลุ่มกลับจากต่างประเทศ ไปภารกิจทางศาสนา ไปธุรกิจ แม้จะลดน้อยลงแต่ยังมีอยู่ คือ 22 คน ดูสถานการณ์แล้วประเทศรอบนอกไทย มีสถานการณ์ระบาดรุนแรงในยุโรป เอเชียบางประเทศ ท่านใดเดินทางกลับจากต่างประเทศให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของ สธ. และทางการบินพลเรือน คำแนะนำคือ สังเกตอาการตนเองก่อนเดินทาง 14 วัน ให้แน่ใจไม่ป่วย แล้วกลับมายังประเทศไทย การเดินทางต้องป้องกันตนเอง วัดไข้ก่อนขึ้นเครื่องบิน ใช้หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงใกล้ชิดกัน เพื่อเลี่ยงติดโรค แต่ บางส่วนขึ้นเครื่องบินทั้งที่รู้ว่าป่วย จะเป็นอันตรายต่อตัวเอง คือ ไม่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ จึงควรรักษาให้ดีค่อยเดินทาง และเสี่ยงต่อผู้โดยสารและลูกเรือ เพราะมีโอกาสรับเชื้อ ต้องมีคนถูกกักกัน จึงอขอให้ตระหนักเรื่องนี้ ลดเสี่ยงตัวเอง ไม่เดินทางในระหว่างเจ็บป่วย

นพ.โสภณ กล่าวว่า กลุ่มเกี่ยวข้องสถานบันเทิง สถานบริการและใกล้ชิดเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว แม้จะเริ่มลดลงช่วงที่ผ่านมา เพราะมีนักท่องเที่ยวมาน้อยลง แต่ยังมีตกค้าง หรือเข้ามาใหม่จำนวนน้อย หลายคนมาพร้อมกับโรค ตรวจพบเป็นโควิดเมื่อมาถึงไทยไม่นาน คือ ประมาณ 1 สัปดาห์ คนไทยให้บริการนักท่องเที่ยวยังมีความเสี่ยง การทำงานต้องระมักระวัง คือ สวมหน้ากากอนามัยร่วมล้างมือบ่อยๆ ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ ส่วนกลุ่มเกี่ยวข้องสนามมวย พบว่า จำนวนน้อยลงเรื่อยๆ เหลือ 1 ราย จากการไปชมมวย และเพิ่งเรื่มมีอาการป่วยสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กลุ่มก้อนจากสนามมวยอยู่ในระดับควบคุมได้ หลังเหตุการณ์ผ่านมา 3 สัปดาห์เศษ ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลสถานการณ์แนวทางที่เราจะป้องกันไม่ให้ไปแพร่ระบาดต่อ อย่างไรก็ตาม ต้องชื่นชมหน่วยงานภาคสาธารณสุข และปกครองที่ให้ความร่วมมืออย่างดี แม้ผู้ป่วยจะเพิ่มในบางจังหวัด แต่ก็เป็นส่วนน้อย ยังจัดการได้ดี โดยทั้งประเทศป่วยใน กทม.ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งอยู่ต่างจังหวัด แต่ไม่ได้เพิ่มมากจนผิดปกติ ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงเมื่อวานเล็กน้อย แต่มีเสียชีวิตใหม่ 3 ราย ผลจากติดเชื้อเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้จำนวนคนไข้ระดับโลกทะลุจะเฉียดล้านคน เสียชีวิต 4.7 หมื่นกว่าคน หากมองดูค่ราวๆ จะแบ่ง 2 กลุ่ม คือ ยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่มีผู้ป่วยหลักหลายหมื่นคน แต่สหรัฐฯและอิตาลีเป็นหลักแสน และกลุ่มในเอเชียแถวบ้านเรายังอยู่ในระดับหลักพัน สภาพอย่างนี้ยังมีความแตกต่างกันมากพอสมควร อาจเกิดจากหลายปัจจัย อย่างคนในเอเชียเรา ตอนนี้มีการวิจัยพบว่า คนไทยใส่หน้ากากมากถึง 92-93% ฝรั่งไม่ค่อยเชื่อเรื่องคนไม่ป่วยควรใส่ แต่บ้านเราใช้กันเยอะมาก ขณะที่คนต่างชาติก็ชื่นชมที่ไปไหนมาไหนในไทยมีการตั้งเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ทุกแห่ง ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต รถไฟฟ้า คิดว่า สองจุดสำคัญนี้ทำให้พวกเรามีระดับผู้ป่วยขยับไปเรื่อยๆ แต่ไม่สาหัสเหมือนหลายประเทศ อยากเตือนว่า เรายังต้องมีมาตรการป้องกันตัวเองเข้มข้นอยู่ ใส่หน้ากาก ล้างมือ สิ่งสำคัญคือเวลากลับบ้านควรล้างมือก่อน อาบน้ำ ถ้าเจอคนเยอะๆ จะสระผมด้วย เปลี่ยนชุดใหม่ เป็นวิธีป้องกันตัวเองที่ปลอดภัยที่สุด 

เมื่อถามถึงมาตรการที่จะชะลอ หรือหยุดการเดินทางเข้าประเทศทั้งคนไทยและต่างชาติ นพ.โสภณ กล่าวว่า คนเดินทางจากต่างประเทศมีความเสี่ยง เพราะมีโรคระบาด มาตรการที่ สธ.เสนอ คือ น่าจะมีการเฝ้าระวังดูอาการก่อนขึ้นเครื่องบินกลับมา อย่างที่บอกตอนต้น ให้มีการกักตัว ดูอาการ 14 วันว่าไม่ป่วย ไม่มีไข้ก่อนขึ้นเครื่องถึงเดินทางได้ หากเริ่มป่วยรักษาให้หายก่อน เพราะการเดินทางขณะป่วยเป็นความเสี่ยง ปกติคนเดินทางกลับประเทศไทยขณะนี้จะมีการลงทะเบียนที่สถานทูต การเริ่มลงทะเบียนจะรู้ว่ามีความตั้งใจกลับวันใด ติดตามดูอาการป่วยหรือไม่ ตอนนี้ทุกประเทศ 200 ประเทศทั่วโลก รายงานผู้ป่วย และอยู่ระหว่างการแพร่ระบาด ไม่ว่าประเทศที่มีความเสี่ยงสูงมากกว่าไทย หรือตัวเลขผู้ป่วยน้อยกว่าไทยก็ใช้นโยบายเดียวกันเพื่อลดความเสี่ยง








กำลังโหลดความคิดเห็น