สธ.เผยผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตอีก 3 ราย หนึ่งในนั้นเป็นรายที่มีอาการวัณโรคร่วม ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว ส่วนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 106 ราย ยังพบจากสนามมวย สถานบันเทิง บุคลากรทางการแพทย์ติดด้วย 4 ราย สรุปไทยมีผู้ป่วยสะสม 827 ราย ตาย 4 ราย รักษาหาย 57 ราย
วันนี้ (24 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่าวันที่ 24 มี.ค.มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 106 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1. ผู้ป่วยสัมผัสผู้ป่วยหรือสถานที่ที่มีผู้ป่วยโรคนี้ก่อนหน้า จำนวน 25 ราย คือ กลุ่มสนามมวย 5 ราย จากเวทีมวยลุมพินี และราชดำเนิน เป็นผู้ชมและเซียนมวย จาก กทม. นครปฐม สมุทรสาคร อุบลราชธานี, กลุ่มสถานบันเทิง 6 ราย จากย่านทองหล่อ อาร์ซีเอ และนานา โดยเป็นนักท่องเที่ยว พนักงานเสิร์ฟที่ จ.สระบุรี กทม. บุรีรัมย์ และชลบุรี, กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า 12 ราย เป็นพนักงานขายเสื้อผ้า เซียนมวย พนักงานบริการ ราชการ กินข้าวกับผู้ป่วย กินเลี้ยงกินดื่มสุรากับผู้ป่วยที่สถานบันเทิง ใกล้ชิดกับผู้มีประวัติเจ็บป่วยในสนามมวย และกลุ่มร่วมพิธีศาสนามาเลเซีย 2 ราย ที่ จ.ปัตตานี
2. ผู้ป่วยรายใหม่ 34 ราย เป็นกลุ่มเดินทางมาจากต่างประเทศ 20 ราย เป็นคนไทย 8 ราย ได้แก่ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นักศึกษา พนักงานร้านแถวปอยเปต ชาวต่างชาติ 12 ราย คือ ชาวฝรั่งเศส สวีเดน ปากีสถาน อังกฤษ และนิวซีแลนด์ กลุ่มอาศัยหรือทำงานที่แออัดพบเจอผู้คนจำนวนมากหรือใกล้ชิดชาวต่างชาติ 10 ราย ได้แก่ รปภ. คนรับรถ คนขับรถรับส่งนักท่องเทียว แท็กซี่ มัคคุเทศก์ จากชลบุรี บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ภูเก็ต นครราชสีมา กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 4 ราย เป็นแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากภูเก็ต ยะลา บุรีรัมย์ นครปฐม สืบเนื่องจากผู้ป่วยไม่แจ้งประวัติเสี่ยงมาก่อนทำให้ไม่ได้ปกป้องตัวเองและรับเชื้อไป ส่งผลกระทบต่อระบบบริการสาธารณสุข ต้องรับการรักษาใน รพ.เพื่อดูอาการ แต่อาการยังไม่มีน่าเป็นห่วง
3. ผู้ป่วยที่ผลแล็บพบเชื้อ แต่อยู่ระหว่างสอบสอบสวนโรค จำนวน 47 ราย อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยอาการหนักขณะนี้เหลือ 4 ราย เนื่องจากมีการเสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย ได้แก่ 1. ชาวไทยอายุ 70 ปี ที่มีวัณโรคร่วม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2. ชาวไทยอายุ 79 ปี เกี่ยวข้องกับสถานที่สนามมวย รายนี้อาการหนักตั้งแต่แรกรับ และเข้ามาวันที่ 16 มี.ค. มีโรคประจำตัวหลายโรค โดยทั้งสองรายรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร และ 3. ชาวไทยอายุ 45 ปี มีภาวะโรคเบาหวาน โรคอ้วน รักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย นอกจากนี้มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 5 ราย สรุปมีผู้ป่วยสะสม 827 ราย กลับบ้าน 57 ราย รักษาใน รพ.766 ราย เสียชีวิต 4 ราย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สธ.จัดทำข้อมูลสถานที่ชุมนุมชนให้ผู้เกี่ยวข้องเฝ้าระวังตัวเอง 25 แห่ง 7 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ขอนแก่น กทม. สงขลา นครราชสีมา นนทบุรี และสุรินทร์ โดยหากอยู่สถานที่และช่วงเวลาตามประกาศ ให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานโรคติดต่อต่อ คือ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ผู้ว่าราชการจังหวัด ผอ.รพ. นายอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ผู้นำชุมชน โดยทันที และกักกันตนเองสังเกตอาการ 14 วัน หากมีไข้อาการทางเดินหายใจ และรีบพบแพทย์ทันที โดยสามารถติดตามข้อมูลประกาศสถานที่พบผู้ป่วยได้ที่เว็บไซต์ ไทยรู้สู้โควิด และเว็บไซต์กรมควบคุมโรค นอกจากนี้ ขอย้ำเตือนประชาชนช่วยกันรักษาระยะห่างต่อสังคม 1-2 เมตร งด ลด การเดินทางไม่จำเป็น ไม่ไปพื้นที่แออัด แยกสำรับอาหารไม่ใช้ช้อนถ้วยชามแก้วเดียวกัน มีอาการทางเดินหายใจ ไข้ ไอเจ็บคอ น้ำมูก สวมหน้ากากอนามัยไปพบแพทย์ทันทีพร้อมแจ้งประวัติเสี่ยง
เมื่อถามถึงปัจจัยการทำให้เสียชีวิต นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ผู้ป่วยอายุ 70 ปี รายนี้มีโรคร่วม คือ วัณโรค แม้จะรักษาจนไม่พบเชื้อแล้ว แต่พยาธิสภาพปอดก็เสียหาย ส่วนเซียนมวยอายุ 79 ปี มีโรคประจำตัวหลายโรค เมื่อเจอโควิดทำให้อาการทรุดลงเร็วตั้งแต่แรก ส่วนรายอายุ 45 ปี มีเบาหวาน ภาวะอ้วนอยู่เดิม พอติดเชื้อก็ทำให้เสียชีวิต