xs
xsm
sm
md
lg

พบอีก 3 ราย ป่วย "โควิด-19" เกี่ยวพันกลับจาก "อิตาลี" เตือนเลี่ยงไปยุโรป หลายประเทศติดท็อปเทนผู้ป่วยแล้ว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.แถลงพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 3 ราย ภรรยากลับจากอิตาลีแล้วมาติดสามี ส่วนหญิงอีกรายสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยกลับจากอิตาลีรายก่อนหน้า รวมมีผู้ป่วย 53 ราย เตือนกลุ่มทิ้งตั๋วญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไปเที่ยวยุโรป ควรเลี่ยงเดินทางเช่นกัน เหตุสถานการณ์ระบาดเริ่มเปลี่ยนจากในจีนมาแถบยุโรปแล้ว หลายประเทศผู้ป่วยเมขึ้นเร็วจนติดท็อปเทน ทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ย้ำนักบิน แอร์โฮสเตสกลับจาก 4 ประเทศเขตติดโรคต้องกักตัว 14 วัน ถึงกลับไปบินต่อได้ 

วันนี้ (10 มี.ค.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่จำนวน 3 ราย โดยมีความเกี่ยวข้องกับการเดินทางกลับมาจากอิตาลี โดย รายแรกเป็นหญิงไทยอายุ 41 ปี ไม่มีประวัติไปเดินทางต่างประเทศ แต่มีความใกล้ชิดสัมผัสกับผู้ป่วยชายไทยรายที่ 45 ที่กลับมาจากอิตาลี โดยหญิงรายนี้เริ่มป่วยวันที่ 7 มี.ค. มีอาการไข้ ตรวจวินิจฉัยพบไวรัสโคโรนา2019 แต่อาการไม่มาก รักษาอยู่ รพ.ราชวิถี  ส่วนรายที่ 2 และ 3 เป็นสามีภรรยากัน โดยภรรยาอายุ 46 ปี กลับมาจากอิตาลีถึงไทยวันที่ 28 ก.พ. 2563 แล้วมีอาการไม่สบายจึงไปตรวจวินิจฉัย เมื่อไปตรวจก็พบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่รายนี้ไม่ได้สัมผัสใคร เพราะรู้ว่ากลับมาจาก 4 ประเทศที่ประกาศเป็นเขตติดโรคจึงระวังมาก ยกเว้นคนในครอบครัว คือ สามี อายุ 47 ปี เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด  เริ่มมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกายวันที่ 7 มี.ค. 2563 จึงไป รพ.แล้วตรวจพบเชื้อ โดยทั้ง 2 ราย อยู่ในการรักษาของ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม


นพ.โสภณ กล่าวว่า นับผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย ถือเป็นผู้ป่วยนำเข้าและการสัมผัสใกล้ชิดในครัวเรือน ซึ่งเป็นผู้ที่เราเฝ้าระวังอยู่แล้ว ทำให้ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรวมเป็น 53 ราย รักษาหาย 33 ราย เสียชีวิต 1 ราย ยังรักษาใน รพ. 19 ราย สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคทั้งหมด 4,682 ราย กลับบ้านแล้ว 2,844 ราย ยังรักษาตัว 1,838 ราย ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ป่วย 108 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ ผู้ป่วยยืนยัน 111,817 ราย เสียชีวิต 3,893 ราย โดยสถานการณ์ในจีนมีแนวโน้มดีขึ้น โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ในหลักสิบราย มีการปิด รพ.สนามบางแห่ง แสดงว่าผู้ป่วยในระบบ รพ.ปกติรักษาเพียงพอ แต่ที่น่าห่วงคือ "อิตาลี" มีผู้ป่วยสะสมและผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอันดับ 2 ของโลก และนอกจากการปิดแคว้นในช่วงแรกก็ได้มีการปิดประเทศทั้งหมด ดังนั้น ใครที่จองตั๋วจะไม่ไปญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จะไปยุโรปต้องระวังให้มาก ซึ่งไม่ใช่แค่อิตาลี ยังมีฝรั่งเศส สเปน เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ สวีเดน เบลเยียม ที่ขึ้นมาเป็นอันดับท็อป 10 เร็วมากในเวลาไม่กี่วัน

"สถานการณ์ของโรคเริ่มเปลี่ยนไปอยุ่อีกภูมิภาคหนึ่งของโลกคือยุโรป  ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในที่มีการระบาดในยุโรป หากต้องไปให้ระวังอย่างต็มที่ ศึกษาเมืองนั้นก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่อย่างอิตาลีคงไปไม่ได้ เพราะประกาศปิดล็อกดาวน์ทั้งประเทศ 60 ล้านคน ซึ่งมาตรการนี้ก็ถือเป็นมาตรการตามอย่างของจีน ที่มีการปิดเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย เพื่อควบคุมโรคภายในประเทศที่มีการระบาดอย่างมาก ส่วนประเทศอื่นในยุโรปก็ขอให้เช็กสถานการณ์ถ้าต้องเดินทางต้องระวังเต็มที่ แต่ดีสุดคือเลี่ยงการเดินทางไป ส่วนการประกาศเป็นเขตติดโรคหรือไม่ เรามีการจับตา หากระบาดมากคือจะต้องมีผู้ป่วยจำนวนมาก และระบาดในหลายเมืองก็อาจประกาศ แต่โดยหลักแล้วมาตรการแจ้งเตือนเรามีการทำก่อน ส่วนการออกประกาศเขตติดโรคจะเป็นมาตรการขั้นสุดท้าย" นพ.โสภณ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีแกร็บจากสิงคโปร์มาประชุมที่ประเทศไทย และกลับไปมีอาการป่วยซึ่งพบว่าเป็นโควิด-19 นพ.โสภณ กล่าวว่า ตรงนี้ต้องดูข้อมูลให้ชัดเจน เพราะก็มาเมืองไทยเวลาสั้นๆ และไม่ได้มีการไปสัมผัสผู้ป่วย เมื่อย้อนดูข้อมูลเริ่มป่วยก็จะเห็นว่ามีโอกาสสูงที่จะรับเชื้อจากนอกประเทศไทย เพราะอยู่ในประเทศไทยสั้นมาก แต่เรายังไม่ด่วนสรุป ขอตรวจทานกับอีกประเทศหนึ่งก่อนว่าน่าจะรับเชื้อที่ไหน

เมื่อถามถึงกรณีนักบิน แอร์โฮสเตส ที่กลับมาจาก 4 ประเทศเขตติดโรค ต้องกักตัว 14 วัน ถึงจะกลับไปทำงานต่อได้หรือไม่  นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัด สธ. กล่าวว่า เข้าใจว่าตามหลักเกณฑ์ก็ต้องเป็นเช่นนั้น อยู่ในเกณฑ์เดียวกับประชาชนทุกคน เมื่อกลับมาหากต้องบินต่อก็ต้องเปลี่ยนนักบิน และแอร์โฮสเตสทั้งลำ เพื่อสร้างความมั่นใจและมาตรฐานสูงสุด


กำลังโหลดความคิดเห็น