สช.ร่อนหนังสือถึง ร.ร.เอกชน กำชับครู นร. บุคลากร หากไปประเทศที่มีโควิด-19 แต่ไม่ได้ประกาศเป็นเขตติดโรค ให้กักตัวเองที่บ้าน 14 วัน เช่นกัน หากยังไม่ครบกำหนดแล้วมา ร.ร. ให้ปิด ร.ร.หรือเลื่อนเปิดเรียน ฉีดพ่นฆ่าเชื้อภายในภายนอกอาคาร ทำความสะอาดอุปกรณ์ พร้อมให้กลับไปเฝ้าระวังอาการ และรายงาน สช.ทราบ
วันนี้ (6 มี.ค.) นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ลงนามหนังสือด่วนที่สุด ที่ ศธ 0211.6/3712 ลงวันที่ 6 มี.ค. 2563 เรื่อง ชักซ้อมความเข้าใจการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ถึงผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเอกชน เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกำหนดท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคโควิด-19 ใน 4 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ จีน (รวมฮ่องกง มาเก๊า) อิตาลี และ อิหร่าน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เห็นว่า ประกาศของ สธ.ยังไม่ได้ครอบคลุมถึงประเทศ หรือเขตการปกครองอื่นที่มีความเสี่ยงที่กรมควบคุมโรคได้เผยแพร่ไว้ จึงขอซักซ้อมความเข้าใจการปฏิบัติเพิ่มเติม โดยมี 3 ข้อ คือ
1. กรณีที่มีนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาที่เดินทางกลับจากประเทศ หรือเขตการปกครองกลุ่มเสี่ยงตามประกาศของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และอยู่ระหว่างกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการ (self quarantine) เป็นเวลา 14 วัน ให้ยังคงกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการต่อไปจนครบกำหนด หากออกไปมีปฏิสัมพันธ์ภายนอกให้เริ่มตันกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการใหม่
2. กรณีมีนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนใดซึ่งมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีความเสี่ยงต่อการติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และได้กักตัวเองเพื่อสังเกตอาการไม่ครบกำหนด หากตรวจสอบพบว่าไปมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมภายนอกในระหว่างระยะเวลาที่ต้องกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการ ให้ปิดโรงเรียนหรือเลื่อนวันเปิดภาคเรียนแล้วแต่กรณี และดำเนินการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในและภายนอกอาคาร เช็ดทำความสะอาดพื้นผนัง อุปกรณ์ในโรงเรียน พร้อมทั้งให้บุคคลที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการต่อไป และให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยต้องรายงานให้ สช.ทราบด้วย
3. ให้โรงเรียนที่มีนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา เดินทางไป-กลับ ประเทศหรือเขตการปกครองที่มีความเสี่ยงตามประกาศของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สามารถสืบค้นข้อมูลได้ที่ www.ddc.moph.go.th/viralpneumonia/intro.php) ให้ส่งรายงานตามแบบฟอร์มดังสิ่งที่ส่งมาด้วยไปที่ สช. ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ letteropec@gmail.com
