xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เตรียมวิจัย "ฟ้าทะลายโจร" ฆ่าไวรัสโคโรนา 2019 ได้หรือไม่ คาด 1 เดือนรู้ผล

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.เตรียมวิจัย "ฟ้าทะลายโจร" ฆ่าไวรัสโคโรนา 2019 ได้หรือไม่ จ่อเอ็มโอยูในวันที่ 24 ก.พ.นี้ โดยวิจัยในอาสาสมัครสุขภาพดี 10 คน ให้ยาฟ้าทะลายโจร จากนั้นเจาะเอาน้ำเหลืองจากเลือดที่มียามาหยอดใส่เชื้อ หากได้ผลดี อาจเสนอเป็นหนึ่งในแนวทางช่วยดูแลรักษาผู้ป่วย คาดใช้เวลา 1 เดือนรู้ผล เผยเพาะเลี้ยงเชื้อไวรัสโคโรนา2019 เล็งพัฒนาทำวัคซีนในอนาคต


วันนี้ (21 ก.พ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากกระแสข่าวว่า ส่งตรวจยืนยันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 น้อย เพราะราคาแพง น้ำยาไม่พอ ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเรามีการสนับสนุนให้มีการตรวจยืนยันเชื้อ โดยเพิ่มขีดความสามารถให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ในภูมิภาคทั้ง 14 แห่สามารถตรวจยืนยันเชื้อได้ใน 3 ชั่วโมง และยังมีการทำเครือข่ายห้องปฏิบัติการร่วมกับ รพ.อีก 6 แห่ง คือ รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.ศิริราช รพ.รามาธิบดี รพ.ราชวิถี สถาบันบำราศนราดูร และ รพ.บำรุงราษฎร์ โดยกรมวิทยาศาตร์การแพทย์เข้ามาช่วยดูแลมาตรฐานความแม่นยำในการตรวจยืนยันเชื้อดังกล่าว และพยายามขยายขอบข่ายการตรวจให้ได้ ทั้งรพ.รัฐและเอกชน ซึ่ง รพ.ที่มีความพร้อมจะตรวจ สามารถแจ้งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ เราจะไปตรวจคุณภาพและทดสอบความชำนาญ หากผ่านจะรับรองมาตรฐาน โดยจะเร่งให้ทุกจังหวัดมีอย่างน้อย 1 โรงพยาบาลที่สามารถตรวจได้

นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้เรามีการตรวจยืนยันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากสิ่งส่งตรวจแล้ว 1,489 ตัวอย่าง สำหรับการตรวจที่รวดเร็ว ยังคงเป็นการเก็บน้ำมูกน้ำลายเสมหะหลังโพรงจมูกหรือในคอการตรวจยืนยันเชื้อ ส่วนการตรวจเลือดจะเป็นการตรวจว่า มีภูมิคุ้มกันหรือไม่ แต่มีจุดด้อยคือ ต้องติดเชื้อแล้วเป็นเวลานานจึงมีภูมิขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เราสามารถเพาะเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเซลล์เลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งมีประโยชน์คุณค่าในการพัฒนาวัคซีน ยารักษา วิธีการตรวจอื่นๆ ต่อไป ซึ่งจะมีความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาวิจัยวัคซีน เช่น ม.มหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การเภสัชกรรม (อภ.) สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แต่ยังต้องใช้เวลา แต่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ในการพัฒนาศักยภาพประเทศไทย


ด้าน นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ จะร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) โดยจะลงนมความร่วมมือในวันที่ 24 ก.พ. เวลา 13.00 น. ในการศึกษาวิจัยสมุนไพรไทย "ฟ้าทะลายโจร" ซึ่งเรามีข้อมูลว่า ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ และต้านไวรัส โดยเฉพาะไวรัสการติดเชื้อทางเดินหายใจ นอกจากนี้ เมื่อสิบปีก่อนจีนก็เคยมีการศึกษาว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคซาร์สได้ แต่ไวรัสโคโรนา 2019 ที่ก่อโรคโควิด-19 เป็นเชื้อไวรัสโคโรนาคนละกลุ่ม พันธุกรรมมีความแตกต่างกัน ดังนั้น จึงต้องมีการศึกษาว่า ฟ้าทะลายโจรจะยับยั้งหรือฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้หรือไม่

นพ.ปราโมทย์ กล่าวว่า การศึกษาคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน โดยใช้อาสาสมัครคนไทยที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีจำนวน 10 คน ซึ่งถือว่าเพียงพอในการทำวิจัย ในการให้ยาฟ้าทะลายโจร ซึ่งจะมีการพิจารณาว่าจะให้เป็นแบบแคปซูลสำเร็จ หรือเป็นสารสกัด แต่ทุกรายต้องได้รับเหมือนกัน โดยจะให้รับปริมาณในขนาดของการใช้เพื่อการรักษา โดยจะดำเนินการในศูนย์วิจัยทางคลินิก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยอาสาสมัครจะต้องนอนเป็นเวลา 5 วันตลอดช่วงที่ได้รับยา จากนั้นจะเจาะเอาเลือดของอาสาสมัคร แล้วนำไปปั่นเอาเฉพาะตัวซีรัมหรือน้ำเหลืองของเลือด เนื่องจากยาจะอยู่ในน้ำเหลือง แล้วนำไปหยอดใส่ในเชื้อที่ห้องทดลอง ว่าทำให้ไวรัสโคโรนา 2019 ตายหรือไม่ หรือช่วยยับยั้ง หรือทำให้เกิดผลอย่างอื่น ซึ่งจะมีการกำหนดว่าต้องเจาะเลือดเอามาทดลองทุกกี่ชั่วโมง เพื่อดูว่าความพีคของยาอยู่ที่ช่วงเวลาใด ปริมาณยาเท่าไร ซึ่งหากฆ่าได้จริงก็จะวางแผนกับกรมควบคุมโรคว่า จะนำฟ้าทะลายโจรมาเป็นตัวเลือกในการใช้รักษาในขั้นตอนไหน เช่น ตั้งแต่เริ่มมีอาการ หรือป่วยแล้วค่อยให้ เป็นต้น ส่วนจะใช้ในเชิงป้องกันด้วยหรือไม่ ตรงนี้ก็ต้องมาดูมาศึกษาในเรื่องของขนาดยาที่ให้อีกที




กำลังโหลดความคิดเห็น