สปสช.เตรียมขยายผลศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพในหน่วยบริการ ให้โรงพยาบาลที่ได้โล่รางวัลดีเด่นปีนี้เป็นกรรมการและพี่เลี้ยงแก่โรงพยาบาลอื่น ๆ ในปีถัดไป หวังระยะยาวเป็นกลไกเชื่อมประสาน การทำงานร่วมกับกลไกการคุ้มครองสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่
นพ.ปัญญา กีรติหัตถยากร ประธานคณะกรรมการคัดเลือกศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพในหน่วยบริการ เปิดเผยว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้จัดงาน "มหกรรมรวมพลังกลไกขับเคลื่อนระบบหลักประกันสุขภาพในพื้นที่" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการมอบโล่รางวัลและเกียรติบัตรแก่ศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพในหน่วยบริการดีเด่น เพื่อเป็นการให้กำลังใจและกระตุ้นให้โรงพยาบาลต่าง ๆ พัฒนาศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพในหน่วยบริการของตัวเอง
“การประกวดศูนย์หลักประกันสุขภาพในหน่วยบริการ สิ่งที่เราต้องการคือให้หน่วยบริการทุกแห่งควรมีศูนย์ที่จะให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในทุกเรื่องตั้งแต่การสอบถามสิทธิ ย้ายสิทธิ ฯลฯ รวมทั้งการร้องเรียน แทนที่จะไปร้องข้างนอก มีปัญหาหรือจะร้องเรียนก็แจ้งในศูนย์นี้เลย และหวังผลว่าจะช่วยแก้ปัญหาของประชาชนได้อย่างทันท่วงที เราดำเนินการมาต่อเนื่อง เกิดช่องทางให้หลายรูปแบบ เช่น มีตู้รับเรื่องร้องเรียนข้อเสนอแนะตามจุดต่าง ๆ การร้องเรียนตรง หรือผ่านอินเทอร์เน็ตของโรงพยาบาล เว็บไซต์ของโรงพยาบาลเอง แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาแก้ไขข้อร้องเรียนต่าง ๆ ถ้าเกี่ยวกับงานคุณภาพก็เข้าไปสู่คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาล นำไปวิเคราะห์สาเหตุแล้ววางระบบพัฒนาและแก้ไข" นพ.ปัญญา กล่าว
ทั้งนี้ ศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพในหน่วยบริการที่ได้รับโล่รางวัลดีเด่นในปีนี้ ประเภทโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป อันดับ 1. ได้แก่โรงพยาบาลพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา อันดับ 2.โรงพยาบาลปัตตานี และอันดับ 3 โรงพยาบาลโรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ส่วนประเภทโรงพยาบาลชุมชน อันดับ 1 ได้แก่โรงพยาบาลรือเสาะ จ.นราธิวาส อันดับ 2 โรงพยาบาลน้ำพอง จ.ขอนแก่น และ อันดับ 3 โรงพยาบาลพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่ง นพ.ปัญญา กล่าวว่า โรงพยาบาลเหล่านี้จะร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือกในปีต่อไปอีกด้วย
"การขยายผลจากการมอบโล่รางวัลในครั้งนี้ ทางตรงคือ สปสช.แต่ละเขตสุขภาพจะนำไปใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพในหน่วยบริการอื่น ๆ และทางอ้อมคือการนำโรงพยาบาลที่ได้รับรางวัลปีนี้ไปเป็นกรรมการในปีต่อไป ซึ่งจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้และเป็นพี่เลี้ยงให้กับโรงพยาบาลที่ยังไม่ได้รับรางวัลต่อไป" นพ.ปัญญา กล่าว
นพ.ปัญญา กล่าวทิ้งท้ายว่า ทิศทางของศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพในหน่วยบริการในอนาคต หวังว่าจะเป็นกลไกเชื่อมประสานการทำงานร่วมกับกลไกการคุ้มครองสิทธิในพื้นที่ ที่สำคัญคือหน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่ดีและมีคุณภาพ เกิดการบูรณาการกำกับคุณภาพมาตรฐานและการคุ้มครองสิทธิ